ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมช.สาธารณสุข ผุดไอเดียออกเป็นกฎหมายกำหนด “สถานพยาบาล”ทุกแห่งต้องผ่านการรับรองคุณภาพ  HA เพื่อการันตีการให้บริการทั้งคนไทยและต่างชาติ และต้องให้บุคลากร คนทำงานมีคุณภาพ มีโอกาสเติบโตด้วย เล็งครอบคลุมคลินิกเอกชน ปัดตอบความคืบหน้าการตรวจสอบคลินิกที่อาจเชื่อมโยง “บอสเอก” ดิไอคอนกรุ๊ป ยังไม่มีผู้รับผลกระทบมาร้องเรียน

 

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ที่อาคารสุขภาพแห่งชาติ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานมอบนโยบายในการขับเคลื่อนภารกิจของสถาบัน และประชุมคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลครั้งที่ 11/2567 ว่า ปัจจุบันการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ยังเป็นเรื่องของความสมัครใจ แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่า การรับรองคุณภาพหน่วยบริการต่างๆเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่คนไทย แต่ยังรวมถึงชาวต่างชาติควรต้องได้รับการบริการจากหน่วยบริการที่ผ่านการรับรองด้วย ดังนั้น ในอนาคตจึงคิดว่า ควรต้องเป็นกฎหมาย โดยให้ทุกสถานพยาบาลต้องผ่านการรับรอง ซึ่งหากมีตรงนี้ยังทำให้ชาวต่างชาติที่มารับบริการเกิดความมั่นใจว่า สถานพยาบาลไทยเทียบเท่าสากล

ไม่เพียงแต่สถานพยาบาลต้องมีคุณภาพเท่านั้น แต่คน หรือบุคลากรที่อยู่ในองค์กรต้องมีคุณภาพด้วย อย่างการเติบโต ความก้าวหน้าในชีวิตราชการก็ต้องมีโอกาสเติบโตด้วย  ส่วนเงินงบประมาณก็ต้องมีมากพอในการบริหารจัดการ ทั้งคน เงิน ทุกอย่างต้องควบคู่กัน

ผู้สื่อข่าวถามกรณีอนาคตจะขยายไปถึงการรับรองคุณภาพของคลินิกเอกชนด้วยหรือไม่ เพราะปัจจุบันมีการร้องเรียนค่อนข้างเยอะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ในอนาคตคิดว่าต้องครอบคลุมหมด เพราะหมายถึงคุณภาพที่ประชาชนจะได้รับไปด้วยเช่นกัน

ปัดตอบปมคลินิก ดิไอคอนกรุ๊ป เหตุยังอยู่ในคดี

เมื่อสอบถามกรณีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) ลงตรวจสอบสถานพยาบาลที่ถูกเชื่อมโยงกับ “บอสเอก” ดิไอคอนกรุ๊ป ว่ามีความคืบหน้าอย่างไร นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตนยังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ และเรื่องนี้ยังอยู่ในคดีอยู่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีเคสผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนที่กระทรวงสาธารณสุข ถึงการใช้บริการสถานพยาบาลที่ถูกเชื่อมโยงดิไอคอนกรุ๊ปแต่อย่างใด

(ข่าว : ถึงคิว!  สบส. ลุยเอาผิด “บอสหมอเอก ดิไอคอนกรุ๊ป” )

แผนขับเคลื่อนรับรองคุณภาพสถานพยาบาลปฐมภูมิ

ทั้งนี้ พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล(องค์การมหาชน) หรือ สรพ. กล่าวตอนหนึ่งในการนำเสนอการดำเนินงานของสรพ. ว่า การมีสรพ. เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนว่า จะได้รับการบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน และยังมีแผนการขับเคลื่อนการรับรองคุณภาพมาตรฐานสถานพยาบาลปฐมภูมิ รวมไปถึงยังจัดทำหลักสูตรและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของสถานพยาบาลให้เกิดความเข้าใจกระบวนการเกี่ยวกับการประเมินการพัฒนาและการรับรองคุณภาพของสถานพยาบาล เป็นต้น

รมช.สธ.หนุนงานสรพ. 5 ประเด็น 

นายเดชอิศม์ กล่าวในการประชุมว่า  พร้อมให้การสนับสนุนผลักดัน การขับเคลื่อนการดำเนินงานของ สรพ. ทั้ง 5 ประเด็น อันได้แก่ การขับเคลื่อนนโยบายความปลอดภัยของผู้ป่วย บุคลากรและประชาชน ให้เป็นนโยบายระดับประเทศ  การสนับสนุนนโยบายรัฐบาล 30 บาทรักษาทุกที่และมีคุณภาพ   การขับเคลื่อนการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลระดับสากลเพื่อขับเคลื่อน Medical hub   รวมถึงการพัฒนาและรับรองคุณภาพสถานพยาบาลปฐมภูมิร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการพัฒนาบุคลากรด้านคุณภาพให้มีความก้าวหน้าในอาชีพ

ซึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อหนุนเสริมให้กลไกการพัฒนาสถานพยาบาลและการประเมินรับรองสถานพยาบาลมีการขับเคลื่อนไปในทิศทางที่สร้างความปลอดภัยของผู้ป่วย บุคคลากรและประชาชน  คือ การผลักดันให้มีกฎหมายการประเมินรับรองคุณภาพสถานพยาบาลเพื่อประกันคุณภาพและความปลอดภัยของประชาชน เช่นเดียวกับต่างประเทศ ซึ่งนอกจากสร้างคุณภาพและความปลอดภัยให้กับประชาชนแล้ว ยังสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะเรื่อง Medical Tourism ด้วย

“ทั้งนี้เพื่อความยั่งยืนของระบบงานคุณภาพ ผมยินดีสนับสนุน ให้มีบุคลากรด้านคุณภาพและการเติบโตก้าวหน้าในอาชีพในสถานพยาบาลภาครัฐ  ด้วยการกำหนดกรอบอัตรากำลังและเส้นทางการเติบโต เช่นเดียวกับสายอาชีพอื่นๆ ในสถานพยาบาล เช่น แพทย์ เภสัชกร  ทันตแพทย์  รวมทั้งการสนับสนุนเรื่องงบประมาณสำหรับการพัฒนาและประเมินรับรองคุณภาพสถานพยาบาลให้แก่สถานพยาบาล  โดยเฉพาะสถานพยาบาลขนาดเล็กที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ   ซึ่งหลังจากการประชุมในวันนี้ได้มอบให้สถาบันดำเนินการจัดทำรายละเอียดอย่างเร่งด่วนเพื่อนำเสนอให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพิจารณาต่อไป”นายเดชอิศม์ กล่าว