ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โฆษก สธ.เผยร่างพ.ร.บ.สุขภาพจิต ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นแล้ว เห็นด้วยกว่า 98% หนุนตั้งกองทุนสุขภาพจิตถึง 97.99%  มีสาระสำคัญ ขยายความหมาย “อาการผิดปกติทางจิต” ครอบคลุมสาเหตุจาก สุรา ยาเสพติด ยังระบุใครเสนอข่าวเฟคนิวส์จนส่งผลด้านสุขภาพจิต ถือว่ามีความผิด

เมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 14 สิงหาคม น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ผลสรุปการแสดงความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติสุขภาพจิต (ฉบับที่ …) พ.ศ…..ที่เปิดการรับฟังหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน แลเะประชาชนทั่วไประหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม - 8 สิงหาคม 2567 ได้ปรากฎออกมาแล้ว จากผู้ตอบแบสอบถาม 1,143 คน เห็นด้วยกับการจัดตั้ง “กองทุนสุขภาพจิตแห่งชาติ” จำนวนมากถึง 97.99% (1,120 คน) เห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.สุขภาพจิต (ฉบับที่…) พ.ศ…98.69 %(1,128 คน) ไม่เห็นด้วย 1.31 % (15 คน) จากนี้จะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการสุขภาพจิตเพื่อพิจารณาปรับปรุงร่างพ.ร.บ.นี้ให้สมบูรณ์ต่อไป ก่อนจะเสนอต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรีและเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร

น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า สาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.สุขภาพจิตแห่งชาติ (ฉบับที่…) พ.ศ.เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2562 โดยฉบับใหม่นี้ มีผู้เห็นชอบจากการรับฟังความเห็นเป็นส่วนใหญ่  มีสาระสำคัญ 2 ประการ คือ ประการแรก ปรับแก้นิยามศัพท์ “อาการผิดปกติทางจิต” ให้หมายรวมถึงอาการผิดปกติของจิตใจที่เกิดจากสุรา ยาเสพติดและสารอื่นที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งพ.ร.บ.ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่ครอบคลุมยาเสพติด ประการที่สอง จัดตั้ง “กองทุนสุขภาพแห่งชาติ”  กำหนดที่มาของแหล่งเงินไว้ 10 ประการ เช่น เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้และเงินอุดหนุนจากรัฐบาล, เงินและทรัพย์สินที่มีผู้บริจาค มอบ หรืออุทิศให้, เงินและทรัพย์สินที่ได้จากภาคเอกชนทั้งภายในและภายนอกประเทศ เป็นต้น

เงินที่ได้จากแหล่งต่างๆ ในร่างพ.ร.บ.ใหม่นี้ กำหนดให้นำไปใช้ประโยชน์ เช่น ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีระบบการดูแลและผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและปัญหาพัฒนาการที่ไม่สามารถกลับคืนสู่สุขภาวะหรือกลับคืนสู่สังคมเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเพื่อความปลอดภัยต่อสังคม

โฆษก สธ.ฝ่ายการเมืองกล่าวว่า เนื้อหาในร่างพ.ร.บ.ยังเสนอให้กองทุนสุขภาพจิตแห่งชาติ มีอำนาจควบคุมเนื้อหาข้อมูลข่าวสารที่คุกคามต่อสุขภาพจิต เพื่อปกป้อง คุ้มครองสังคมจากการนำเสนอข่าวเฟคนิวส์ หรือข่าวสารลักษณะอื่นๆที่เผยแพร่ทางสื่อต่างๆโดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่เกิดผลกระทบกระเทือนจิตใจ ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกหวั่นไหว จะเป็นโรคจิต หรืออาการผิดเพี้ยนทางอารมณ์และจิตใจ โดยอาจจำเป็นต้องมีบทลงโทษ ทั้งนี้ อธิบดีกรมสุขภาพจิตจะเป็นผู้ควบคุมดูแลเนื้อหาในส่วนนี้ั