ปลัดสธ. ประชุมนอกสถานที่ “ผู้บริหารส่วนกลางและภูมิภาค” ทั่วประเทศ ย้ำเดินหน้างาน “ลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” และพัฒนารพ.อัจฉริยะ  รพ.ทันตกรรม ให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่สะดวก รวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย กำชับพื้นที่เดินหน้า 3 ระบบ “การแพทย์ฉุกเฉิน-สุขภาพปฐมภูมิ-ศูนย์ชีวาภิบาลฯ”   พร้อมมอบโล่รางวัล SAP Award รพ.ปรับโฉมดีเด่น และเอกลักษณ์โดดเด่น 9 แห่ง

 

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน  ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2568 โดยได้เน้นย้ำการดำเนินงานสำคัญในปีงบประมาณ 2568 ทั้งการรณรงค์คนไทยห่างไกล NCDs ด้วยการปรับพฤติกรรมการกินแบบนับคาร์บ การพัฒนาเป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ บนพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ให้การพัฒนาระบบบริการตามแนวคิด One Province One Hospital และเดินหน้าการพัฒนาโรงพยาบาลทันตกรรม ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น รวมทั้งจัดตั้งศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาในโรงพยาบาลให้ได้อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เพิ่มพูนทักษะแก่แพทย์และบุคลากรสาธารณสุขสาขาวิชาชีพต่างๆ

 

เดินหน้า 3 ระบบ “การแพทย์ฉุกเฉิน-สุขภาพปฐมภูมิ-ศูนย์ชีวาภิบาลฯ”

นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า การประชุมฯ ครั้งนี้ ยังได้จัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนางานของหน่วยงานในพื้นที่ 3 เรื่อง คือ

1.ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน แหล่งท่องเที่ยวปลอดภัย ของโรงพยาบาลเขาค้อ เป้าหมายเพื่อลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน โรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ และภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด โดยมีโรงพยาบาลเข้าค้อ สาขา 1 เป็นสถานบริการหลัก และ โรงพยาบาลเขาค้อสาขา 2 ดูแลคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว และมีนวัตกรรม “เที่ยวเขาค้อปลอดภัย อุ่นใจไปกับ EMS GIS system Khaokho” ที่ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่เข้าถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีการพัฒนาระบบ Tele-ambulance ในการออกเหตุและรับส่งต่อผู้ป่วย  พร้อมทั้ง ติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ในสถานที่ท่องเที่ยว พร้อมระบบการแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศ จักรยานยนต์ฉุกเฉิน (Motorlance) ช่วยให้ทีมแพทย์เข้าถึงพิกัดในระยะ 10 กม. ภายในเวลา 8 นาที ผู้ป่วยมีอัตรารอดชีวิตสูงถึง 96.36%

2.การพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ ของโรงพยาบาลหล่มสัก ที่มีทีมเวชศาสตร์ครอบครัวดูแลประชาชนในพื้นที่ให้เข้าถึงระบบการรักษา ช่วยแก้ปัญหาสุขภาพตั้งแต่ระยะแรก และติดตามถึงบ้าน/ชุมชน พร้อมกับวางแผนการดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องร่วมกับญาติ และทีมสหวิชาชีพ, ทีม Home health care กตดตามเยี่ยมกลุ่มผู้ป่วยสูงอายุที่มีภาวะติดเตียง, ทำบ้านเป็นหอผู้ป่วย (Home Ward) ในกลุ่มผู้ป่วยแผลกดทับ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง, ระบบการแพทย์ทางไกลในกลุ่มผู้ป่วยความดันโลหิตสูง เบาหวานรายใหม่ในพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้ ยังมีเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและบริการคลินิกฝังเข็มด้วย

3.ศูนย์ชีวาภิบาลบูรณาการ และ Home Ward ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า ที่พัฒนาระบบเพื่อรองรับสังคมสูงอายุที่มีแนวโน้มผู้เข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น มีระบบการดูแลประคับประคอง การดูแลระยะยาว ทั้งในรูปแบบผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก และการดูแลที่บ้านหรือสถานชีวาภิบาลในชุมชน ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลแบบองค์รวม ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว โดยก่อนการประชุม มีการมอบโล่รางวัลยกระดับหน่วยบริการดีเด่น (SAP Award) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

มอบ 9 รางวัล รพ.ปรับโฉมดีเด่นและเอกลักษณ์โดดเด่น

สำหรับสุดยอดโรงพยาบาลปรับโฉมดีเด่น และ โรงพยาบาลเอกลักษณ์โดดเด่น ที่ได้รับการโหวตผ่านเพจเฟสบุ๊ก I Love MOPH จำนวน 9 รางวัล แบ่งเป็น

1) โรงพยาบาลปรับโฉมดีเด่น ประเภท รพศ./รพท. อันดับที่ 1 โรงพยาบาลหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อันดับที่ 2 โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช และอันดับที่ 3 โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง

2) โรงพยาบาลปรับโฉมดีเด่น ประเภท รพช. อันดับที่ 1 โรงพยาบาลสีชมพู จังหวัดขอนแก่น อันดับที่ 2 โรงพยาบาลค้อวัง จังหวัดยโสธร และ อันดับที่ 3 โรงพยาบาลวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร

3) โรงพยาบาลเอกลักษณ์โดดเด่น อันดับที่ 1 โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี อันดับที่ 2 โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี และ อันดับที่ 3 โรงพยาบาลแกดำ จังหวัดมหาสารคาม

 ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นต้นแบบให้ทุกโรงพยาบาลนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาเป็นโรงพยาบาลที่ “น่าชม ร่มรื่น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ต่อไป