สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของไทยยังน่าห่วง ปี 66 มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.7 หมื่นราย เฉลี่ยวันละ 48 ราย ญาติเหยื่อยื่น 5 ข้อเสนอ หวังทุกฝ่ายร่วมใช้ทางปลอดภัย ไม่ต้องสูญเสียคนที่รัก-เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายพลังผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน และเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต จัดเวทีแสดงพลัง “จากดอกไม้แห่งความสูญเสีย สู่ความปลอดภัยทางถนน” พร้อมนำเสนอละครสั้น สะท้อนถึงคนที่ยังอยู่จากครอบครัวที่สูญเสีย เนื่องใน “วันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน”  ปี 2567 (World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) 

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านยานพาหนะเกี่ยวกับการป้องกันและลดอุบัติเหตุเพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนน รัฐสภา กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเนื่องในวันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน เพื่อเตือนใจประชาชนให้ร่วมกันรำลึกถึงเหยื่ออุบัติเหตุทางถนนที่จากไป 

ปัจจุบันสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของไทยยังน่าห่วง ข้อมูลการบูรณาการจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 3 ฐาน ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 17,498 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 48 ราย และยังมีคนที่ต้องกลายเป็นผู้พิการตลอดชีวิต เฉลี่ยปีละ 10,000 คน จึงจำเป็นยิ่งที่ต้องร่วมมือกันทำงานอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ทุกฝ่าย ตระหนักรู้ถึงการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย

"ขอแสดงความเสียใจ และเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนทุกคน การจัดกิจกรรมในวันนี้ เป็นกลุ่มผู้ที่เคยสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากอุบัติเหตุทางถนนมาร่วมกันจัดขึ้น และสามารถแปลงความเสียใจนั้นมาเป็นพลัง และร่วมกันเป็นเครือข่ายพลังผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน เพื่อร่วมกันรณรงค์และกระตุ้นเตือนคนในสังคม ให้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้ได้มากที่สุด" นายสุรชัย กล่าว

นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า ความตั้งใจของการรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนในปีนี้ มุ่งหวังไม่ให้มีผู้ที่ต้องสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนอีก โดยเฉพาะเด็ก และเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ สสส. มีจุดเน้น และเป้าหมายการทำงานสำคัญที่จะร่วมขับเคลื่อนกับทุกภาคส่วน เพื่อลดความสูญเสีย และสร้างความปลอดภัยทางถนนให้กับเด็ก และเยาวชนต่อไป ในปีนี้องค์การสหประชาชาติ (UNITED  NATION : UN) ได้เชิญชวนให้ประเทศสมาชิกทั่วโลก จัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ให้สังคมตระหนักถึงผลกระทบจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนทุกปี เป็นวันโลกรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน  

ในปี 2567 นี้ ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน โดยมูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับโรตารีประเทศไทย UN ภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคสังคม ภาคเอกชน จัดกิจกรรมร่วมรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน พร้อมกันทั่วประเทศ โดยในพื้นที่ กทม. จะมีการร่วมเดินรณรงค์จาก ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ไปยังอาคารองค์การสหประชาชาติในประเทศไทย (UN) ร่วมกันทำกิจกรรมรำลึกถึงผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน โดยในระดับจังหวัดแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดงานสร้างความตระหนัก และรำลึกถึงผู้สูญเสียทั่วประเทศ

นางรัชนี สุภวัตรจริยากุล คุณแม่ของคุณหมอกระต่าย พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล ในฐานะประธานเครือข่ายพลังผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน กล่าวว่า ในโอกาสวันเหยื่อโลกปี 2567 ภาคีเครือข่ายพลังผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนได้มีข้อเสนอ เพื่อป้องกัน และลดอุบัติเหตุทางถนน 

1. ขอให้ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 มีการเพิ่มโทษสำหรับการฝ่าฝืน และบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อลดการกระทำผิดซ้ำ  

2. ปรับปรุงการออกใบอนุญาตใบขับขี่ ให้เหมาะสมกับรถแต่ละประเภท ควบคุมให้การออกใบอนุญาตมีมาตรการประเมินการคาดการณ์อุบัติเหตุ เพิ่มเติมจากการสอบเนื้อหาทางกฎหมายทั่วไป 

3. ออกกฎหมาย และมาตรการทางสังคมเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชน เช่น กำหนดความเร็วในเขตเมืองไม่เกิน 50 กม./ชั่วโมง สำหรับรถทุกประเภท เพิ่มโทษพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราวสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน 

4. เพิ่มบทลงโทษผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรที่ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย และผู้ขับขี่บนทางเท้า พร้อมทั้งปรับปรุงเพิ่มสัญลักษณ์จราจร ทำสีถนน ป้ายคำเตือนก่อนถึงทางม้าลาย กวดขันวินัยเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างจริงจัง เช่น การสวมหมวกนิรภัย การต่อ พ.ร.บ. ทะเบียนรถ 

5. เพิ่มโทษหนักกับคนดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ทั้งจำคุกและโทษปรับ โดยมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง รวมถึงประสานงานกับสถานประกอบการต้นสังกัดผู้กระทำผิดให้มีมาตรการลงโทษ ตลอดจนมีการปลูกฝังสร้างความตระหนักรู้การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และผลกระทบจากอุบัติเหตุทางถนน โดยดำเนินการทั้งในสถานประกอบการ และโรงเรียน

“ดิฉันและผู้ที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวจากอุบัติเหตุทางถนน ได้รวมตัวกันตั้งเครือข่ายพลังผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน เพื่อเปลี่ยนความเสียใจจากการสูญเสียคนที่รักมาเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในสังคม ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยทางถนน และที่สำคัญเราอยากเป็นหนึ่งกำลังใจเพื่อเยียวยาซึ่งกันและกันให้กับครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป” นางรัชนี กล่าว