ศ.นพ.ยง เผยผลสำรวจ 10 ปีที่ผ่านมา พบภูมิต้านทานต่อ “โรคไอกรน” เด็กไทยอยู่สูงช่วง 10 ปีแรก และหลังอายุ 10 ปีไปแล้ว ภูมิฯลดเหลือร้อยละ 50  ไม่ต้องตระหนก อาการไม่รุนแรงในเด็กโต หากจะฉีดกระตุ้นปัจจุบันต้องจ่ายเอง ราคาแพง   

 

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงโรคไอกรน ภูมิต้านทานต่อไอกรนในคนไทย ว่า

วัคซีนรวมภาครัฐให้ในเด็กเล็กฟรี

ไอกรนไม่ใช่โรคใหม่ ประเทศไทยมีวัคซีนฉีดในแผนการให้วัคซีนแห่งชาติมาเป็นเวลาร่วม 47 ปี โดยเน้นความสำคัญอยู่ในเด็ก เพราะความรุนแรงของโรคจะอยู่ในเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี เราจึงให้วัคซีนที่มีส่วนประกอบไอกรนในรูปของวัคซีนรวม ที่ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน ขวบครึ่ง และ 4-6 ปีเป็นครั้งสุดท้าย

วัคซีนในผู้ใหญ่หรือเด็กโต ต้องจ่ายเอง

วัคซีนที่ใช้ในผู้ใหญ่หรือเด็กโต เพิ่งมีการนำมาใช้ในประเทศไทยประมาณเกือบ 20 ปี แต่วัคซีนมีราคาแพง และจะต้องฉีดด้วยความสมัครใจ และจ่ายเอง

ภูมิต้านทานโรคไอกรนเด็กไทยสูงช่วง 10 ปีแรก  

ภูมิต้านทานต่อโรคไอกรน ในเด็กไทยจึงสูงอยู่ในช่วง 10 ปีแรก และเมื่อหลังอายุ 10 ปีไปแล้ว ประชากรไทยจะมีภูมิต้านทานต่อไอกรนประมาณร้อยละ 50 เราทำการศึกษาเมื่อ 10 ปีที่แล้วและเมื่อปีที่แล้ว จะเห็นว่าไม่ต่างกันเลย เพราะหลัง 10 ขวบไปแล้ว ประชากรไทยได้รับวัคซีนไอกรนน้อยมาก

โรคจะรุนแรงในเด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 1 ปี ดังนั้นในเด็กโต จึงมีโอกาสเป็นโรคได้ แต่อาการน้อยมาก และจำนวนมาก ก็อาจจะมีเชื้อโดยไม่มีอาการ อย่างเช่นการระบาดครั้งนี้ ถ้าเราตรวจที่คอของเด็กทุกคน ก็คงจะเจอเชื้ออยู่บ้างที่ไม่มีอาการ

การระบาดในเด็กนักเรียน เด็กโต ที่ตรวจพบเชื้อร่วม 20 ราย มี 2 รายไม่มีอาการใดๆเลย และสามารถแพร่เชื้อได้ด้วย และถ้ายิ่งตรวจ ก็จะเจอมากกว่านี้อีก การให้วัคซีนในเด็กโตไม่ได้อยู่ในภาคบังคับ มีการแนะนำให้วัคซีนคอตีบและบาดทะยัก ทุก 10 ปี แต่ไม่ได้รวมไอกรน เหตุการณ์ที่เกิดในขณะนี้ ถ้ามองในอดีต ก็คงจะเคยมีแล้ว แต่เราไม่ได้ตรวจ ก็ไม่มีการระบาด ปัจจุบันการตรวจง่ายมาก ก็เลยพบมีการระบาดในเด็กโต ถ้าไม่ตรวจก็ไม่ระบาด

ตรวจภูมิต้านทานไอกรนลด! หลัง 10 ปี จึงไม่แปลก

การให้วัคซีนไอกรน จึงอยู่ในภาคสมัครใจ ดังนั้นการตรวจภูมิต้านทานในเด็กที่หลัง 10 ขวบไปแล้วจึงไม่แปลกเลยที่จะพบภูมิต้านทานเพียงร้อยละ 50 เท่านั้น ดังแสดงในรูป เป็นการศึกษาใน 2014 และ 2023 จากรูปก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าทำไมจึงพบโรคนี้ในเด็กที่อายุเกิน 10 ปีขึ้นไป ก็เพราะภูมิต้านทานที่ฉีดไว้ในตอนเด็กลดลงต่ำแล้ว แต่เมื่อคำนึงถึงความรุนแรงของโรคและความจำเป็นในการกระตุ้น จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่ได้มีการให้วัคซีนนี้ในแผนการให้วัคซีนแห่งชาติ

และถ้าจะต้องการยกระดับให้ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานต่อไอกรน ที่ยังเหลืออยู่อีก 50% สำหรับประเทศเรายังเป็นไปไม่ได้ เพราะจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และวัคซีนที่อยู่ในลำดับที่สำคัญกว่ามีความจำเป็นมากกว่ายังรออยู่อีกมาก ที่เด็กไทยหรือประชากรไทยควรจะได้รับ

ไม่มีความจำเป็นต้องตื่นตระหนกเลยสำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ เรามาให้ความสำคัญกับเด็กเล็กให้ได้รับวัคซีนพื้นฐาน ให้ได้ครบตามเป้าหมาย หรือในเด็กทุกคนตามแผนการให้วัคซีนแห่งชาติ