ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“หมอทวีศิลป์”  เผยขณะนี้อยู่ระหว่างแบ่งส่วนราชการใหม่หลังโอนภารกิจบำบัดยาเสพติดและสารเสพติดจาก “กรมการแพทย์” ไป “กรมสุขภาพจิต”  คาดใช้เวลาเร็วสุด 1 เดือน หรืออาจ 12 เดือน เพราะมีหลายปัจจัย ส่วนสถานพยาบาล ทั้ง “สบยช.-รพ.ธัญญารักษ์” 7 แห่ง จากนี้ขึ้นตรงกรมสุขภาพจิต

 

ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่งให้บูรณาการงานบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอย่างครบวงจร ให้รวมถึงเรื่องจิตเวช โดยให้กรมสุขภาพจิตเป็นผู้กำกับดูแล กระทั่งอธิบดีกรมการแพทย์ ลงนามในคำสั่งกรมการแพทย์ เรื่อง มอบอำนาจให้อธิบดีกรมสุขภาพจิต ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและสารเสพติด ลงนามโดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดวันที่ 24 ตุลาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงเรื่องนี้ ว่า จากนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ที่ต้องการบูรณาการงานด้านยาเสพติด และงานด้านยาเสพติดเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งประเทศไทยไม่ใช่แห่งแรก เนื่องจากรูปแบบการบริหารจัดการปัญหายาเสพติดที่ใช้กันทั่วโลกเป็นแบบนี้และเป็นมาตรฐานเดียวกันหมด อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการแบ่งส่วนราชการของกระทรวงสาธารณสุข ที่อยู่ใน “กรมการแพทย์”   นั้น เห็นได้ว่ามีข้อจำกัดหลายเรื่องในการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ เนื่องจากผู้ป่วยยาเสพติดที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา จะมีปัญหาสุขภาพจิตตามมาด้วย ซึ่งปัญหาสุขภาพจิตนี่เองที่เป็นส่วนสำคัญของการเกิดปัญหาต่างๆ ในสังคมตามมา

“ดังนั้น จึงนำไปสู่การแบ่งส่วนราชการใหม่ โดยให้งานบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดและสารเสพติดไปอยู่กับกรมสุขภาพจิต  ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยยาเสพติด” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ อีก 6 แห่ง รวมทั้งหมด 7 แห่งที่อยู่ในสังกัดกรมการแพทย์ เป็นสถานพยาบาลดูแลผู้ป่วยยาเสพติดของกรมการแพทย์  โดยขณะนี้ให้ทำงานบูรณาการร่วมกับอธิบดีกรมสุขภาพจิต  เพื่อให้ลักษณะของการสั่งการในสายบังคับบัญชาเป็นเนื้อเดียวกัน

“ส่วนการแบ่งส่วนราชการที่จะต้องดำเนินการต่อไปนั้น ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสำนักงบประมาณ ซึ่งต้องทำงานคู่ขนานกันไป แต่ขณะนี้ กรมการแพทย์ยังดูแลทั้ง 7 แห่งอยู่ ทั้งการประชุมร่วมกัน รวมถึงดูแลข้าราชการ บุคลากร เพราะยังมีงบประมาณในด้านบริหารจัดการส่วนนี้อยู่ในกรมการแพทย์” อธิบดีกรมการแพทย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าต่อไปงานบำบัดรักษาฟื้นฟูยาเสพติดทั้งหมด สายบังคับบัญชาจะขึ้นตรงกับกรมสุขภาพจิตแล้วใช่หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หากเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สายบังคับบัญชาก็จะเป็นกรมสุขภาพจิต ซึ่งเป็นผู้รับเรื่องนี้มาบูรณาการ และรมว.สาธารณสุข เป็นผู้สั่งการ แต่เรื่องรับงบประมาณตอนต้น ทางกรมการแพทย์ยังดูแลให้อยู่ในช่วงแรก จนกว่า จะมีการแบ่งส่วนราชการแล้วเสร็จ ซึ่งอาจจะ 1 เดือน หรือ 12 เดือน เพราะการแบ่งส่วนราชการนั้น ไม่ได้มีปัจจัยแค่กรมเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับกระทรวง และนอกกระทรวง ทั้งก.พ.ร. และก.พ.ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือคำสั่งกรมการแพทย์ที่ 1742/2567 เรื่องมอบอำนาจให้อธิบดีกรมสุขภาพจิตปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและสารเสพติด ใจความสำคัญนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธณสุข กำหนดให้กรมสุขภาพจิตมีภารกิจเกี่ยวกับการดำเนินงานบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอย่างครบวงจร กรมการแพทย์ จึงให้อธิบดีกรมสุขภาพจิต กำกับดูแล สบยช. และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคอีก 6 แห่ง ในเรื่องระบบบริการ เครือข่ายหน่วยบริการ ตลอดชนถึงระบบชุมชนอย่างครบวงจร รวมถึงมอบอำนาจการบังคับบัญชา การสั่งการ กำกับดูแล ควบคุม ติดตามภารกิจหน้าที่เจ้าหน้าที่ของสถาบัน และโรงพยาบาลรวมทั้งหมด 7 แห่ง

ข่าวเกี่ยวข้อง : กรมการแพทย์ เซ็นมอบอำนาจภารกิจบำบัดยาเสพติดให้กรมสุขภาพจิตแล้ว