ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ เผยสมุนไพรลดอาการอยากยา พัฒนาเป็น “เม็ดฟู่” ล่าสุดใช้ในการศึกษาวิจัยชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) 35 แห่งทั่วประเทศกว่า 500 ราย พบเกิน 50% ลดอาการอยากยา ทั้งนอนไม่หลับ ปวดหัว ฯลฯ ล่าสุด รมว.สธ.สั่งขยายสเกลศึกษาเพิ่มเติม พร้อมหนุนยาสมุนไพรอื่นๆ เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติเพิ่มเติมจากปัจจุบันมีเพียง 28 รายการ  หวังให้แพทย์แผนปัจจุบันยอมรับมากขึ้น

ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) สนับสนุนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ในการใช้สมุนไพรเพื่อบำบัดรักษาโรคเพิ่มขึ้น และให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พิจารณาเรื่องการผลักดันการใช้ยาสมุนไพรเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการสนับสนุนให้กรมการแพทย์แผนแพทยและการแพทย์ทางเลือก เดินหน้าใช้สมุนไพรบำบัดโรค และดูแลผู้ติดยาเสพติด โดยใช้สูตรโบราณ มีกระท่อม กัญชา เถาวัลย์เปรียง เพื่อช่วยลดอาการอยากยาของผู้ติดยาเสพติดที่ต้องการเลิกยานั้น

(ข่าว : “สมศักดิ์” ยัน สธ.พร้อมมีเตียง บุคลากร ดูแลผู้ป่วยติดยาเสพติด)

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่อาคาร 11-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 21 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 7 กรกฎาคม  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้ข้อมูลถึงสมุนไพรที่ช่วยดูแลผู้ติดยาเสพติด ว่า เป็นการนำตำรับยาฝิ่นที่มีตั้งแต่โบราณ นำมาพัฒนาให้สามารถใช้ในยุคปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มอบให้กองยา ของทางกรมการแพทย์แผนไทยฯ ซึ่งมีเภสัชกรเป็นนักวิจัยดำเนินการเรื่องนี้ โดยมีสมุนไพร 3 ชนิด คือ เถาวัลย์เปรียง ช่วยเรื่องลดการปวดเมื่อย เพราะคนที่ขาดยา จะมีอาการปวดเมื่อยตามตัว ส่วนกระท่อม กับใบกัญชา ต้องเน้นว่า ใบ เพราะมีสาร THC ปริมาณต่ำมากๆ แต่เพียงพอในการทำให้กลไกการออกฤทธิ์ของโดปามีน หรือสารที่อยู่ในสมองที่ส่งผลให้อยากยา เรียกว่านำมาทดแทนการขาดยาได้

“ได้มีการศึกษาทดลองในชุมชนล้อมรักษ์ หรือ CBTx จำนวน 35 แห่งทั่วประเทศ และเก็บเคสล่าสุดปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากว่า 500 เคส พบว่าลดอาการขาดยาต่างๆ อย่างน้อยได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งอยากยา นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ที่สำคัญขณะนี้ได้ผลิตเป็นเม็ดฟู่ จากอดีตสูตรนี้ต้องต้มดื่ม แต่ในปัจจุบันไม่สะดวก จึงมีการพัฒนาสูตรอัดเป็นเม็ดฟู่แทน โดยผสมน้ำก็จะดื่มได้ ล่าสุดสูตรนี้ยังได้รางวัลนวัตกรรมการผลิตยาจากเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ในสเกลงานวิจัย ขณะนี้รมว.สาธารณสุข ให้ความสนใจมาก และให้ขยายสเกลมากยิ่งขึ้น ขณะนี้กรมฯ กำลังวางโครงการเพิ่มเติม” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะผลักดันและขยายเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรด้วยหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า  เรื่องหลักประกันสุขภาพแห่งชาติก็เป็นอีกนโยบาย ที่รมว.สาธารณสุข สั่งการไว้ เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้ยานำเข้าจำนวนมากกว่าปีละ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้งบจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติ(สปสช.) กว่าแสนล้านบาท เป็นค่ายากว่าครึ่งหนึ่ง ส่วนยาสมุนไพรไทยมีค่าหัวเพียง 19 บาท และเพิ่งจะเพิ่มเป็น 20 บาทต่อหัว อย่างปีหนึ่งได้ประมาณ 900 ล้านบาท รวมทั้งยาสมุนไพร ทั้งนวด ทั้งฝังเข็มในกลุ่มจำเพาะ เช่น สโตรก(Stroke) รวมกัญชาการแพทย์ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรยิ่งน้อยไปอีก

“ขณะนี้รมว.สาธารณสุข ได้หารือกับสปสช.แล้ว ว่า ปัจจุบันมียาที่ขึ้นในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร 100 รายการ แต่อยู่ในการเบิกตามสปสช.เพียง 28 รายการ ขณะนี้ได้มอบให้นักวิชาการรวบรวมว่า ยาสมุนไพรตัวไหนสามารถเพิ่มได้ ซึ่งความเป็นจริงตอนนี้หลายรพ. อย่างรพ.อุดรธานี บอกว่าไม่ได้สั่งยาลดกรด ลดแน่นเฟ้อ แต่สั่งเป็นขมิ้นชัน เพราะใช้ได้ดี มีงานวิจัยรองรับ แบบนี้จะช่วยลดการใช้ยาเคมีไปได้มาก” อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า หากเราสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรมากขึ้น ก็จะเกิดการยอมรับมากขึ้นในแพทย์แผนปัจจุบัน นี่คือ ทางรอดของประเทศไทย แน่นอนว่าประเทศอื่นก็มีการดำเนินการ ไทยไม่ใช่ประเทศแรก อย่างจีน กำหนดว่า รพ.ไหนขึ้นเป็นรพ.ระดับคุณภาพสูง ต้องมีแพทย์แผนจีน อยู่ในองค์ประกอบร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบันด้วย  

ทั้งนี้ สำหรับ “ยาอดฝิ่น ชนิดเม็ดฟู่”  หรือ “ยาเม็ดฟู่ อดยาบ้า” ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้รับ 2 รางวัล นวัตกรรมทางการแพทย์แผนไทย  ได้แก่   รางวัลพิเศษ (special award) จากสมาคมการประดิษฐ์จากประเทศไต้หวัน (Taiwan invention association) ด้าน invention with potential to significantly enhance human living และรางวัล เหรียญเงิน (silver medal) นวัตกรรมทางการแพทย์แผนไทย "ยาอดฝิ่น ชนิดเม็ดฟู่" จากการประกวด การประดิษฐ์และนวัตกรรมในงาน “The 49th International Exhibition of Inventions Geneva”ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม “ยาอดยาบ้า” ติดต่อที่ คลินิกบำบัดยาเสพติดการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สามารถติดต่อได้ที่ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน (ยศเส) ติดต่อ 0 2224 3261-20 2224 8802  จ.พัทลุง ติดต่อ  0 7460 0036 และ จ.อุดรธานี ติดต่อ 0 4218 0880

(ข่าว : กรมแพทย์แผนไทยฯ เผย ตำรับ “อดยาบ้า” เป็นทางเลือกการรักษาผู้ติดยาเสพติด)