ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ป.ป.ช. ภาค 4 รวบอดีตเภสัชกรคุมคลังยา   ลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาล มูลค่าความเสียหาย 380,000 บาท เจ้าตัวเผยยินดีให้จับกุม  เหตุคดีทุจริตไม่มีอายุความ ไม่อยากหนีไปทั้งชีวิตอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่
 
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ  รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป ช. มอบหมายนักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ลงพื้นที่ทำการจับกุมนายศักดิ์โกสินทร์ สูตสนธิ์ บุคคลตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ที่ 29/2564  ลงวันที่ 30 ธ.ค. 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบัง เอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ   เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานปลอมเอกสารราชการ และฐานใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 157, 265 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 91
 
นายศักดิ์โกสินทร์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเภสัชกรปฏิบัติการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลนากลาง  อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อปี พ.ศ 2554 - 2555 มีหน้าที่ควบคุมคลังเวชภัณฑ์ยา และขออนุมัติสั่งซื้อยา ได้ลักลอบนำยาที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีน ออกจากโรงพยาบาลนากลาง และนำไปไว้ที่ร้านขายยาของตนที่อำเภอนาวัง  จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อส่งมอบหรือจำหน่ายให้กับบุคคลอื่นโดยทุจริต จำนวน 4 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนสิงหาคม 2554 จำนวน 25,000 เม็ด มูลค่า 50,000 บาท ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนต.ค. 2554 จำนวน 25,000 เม็ด มูลค่า 50,000 บาท ครั้งที่ 3  เมื่อเดือนม.ค. 2555 จำนวน 50,000 เม็ด มูลค่า 100,000 บาท และครั้งที่ 4 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2555  จำนวน 100,000 เม็ด มูลค่า 180,000 บาท ซึ่งในครั้งที่ 4 ได้ปลอมลายมือชื่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลนากลาง  สั่งซื้อยาจำนวน 100,000 เม็ดดังกล่าว รวมปริมาณยาที่นำออกจากโรงพยาบาลนากลางจำนวนทั้งสิ้น 200,000 เม็ด มูลค่าความเสียหาย 380,000 บาท
 
จากการสืบสวน ทราบว่าหลังเกิดเหตุเมื่อปี 2555  นายศักดิ์โกสินทร์  ถูกดำเนินการ  ทางวินัยจนถูกไล่ออกจากราชการ แต่ยังคงดำเนินกิจการร้านขายยาของตนที่อำเภอนาวังตามเดิม และได้เปิดกิจการร้านหมูกระทะในเขตพื้นที่อำเภอนาวังอีกด้วย 

จนกระทั่งปี 2560 ได้หลบหนีไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยทำงานโรงงานแห่งหนึ่งได้ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้น ได้ลาออกมาทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขายสินค้าเกาหลีทางออนไลน์ให้กับคนไทยในประเทศเกาหลีใต้ได้ประมาณ 4 ปี จนกระทั่งเมื่อเดือนพ.ค. พ.ศ. 2566 ได้เดินทางกลับมาประเทศไทย นายศักดิ์โกสินทร์ได้ย้ายจากอำเภอนาวัง  ไปพักอาศัยอยู่ที่อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู  ลักษณะพักอาศัยอยู่ตามบ้านเช่า  และยังคงประกอบอาชีพค้าขายสินค้าเกาหลีทางออนไลน์ตามเดิม จนกระทั่งเมื่อเดือนก.ย. 2567 นายศักดิ์โกสินทร์ ได้ย้ายมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าเลขที่ 70 หมู่ที่ 10 ตำบลนากลาง อำเภอนากลาง  โดยเปิดเป็นร้านขายสินค้าจำพวกขนมและอาหารเล็กๆ น้อยๆ สำหรับนักเรียน  

เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ภาค 4 จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บริเวณบ้านเช่าหลังดังกล่าว  และประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ  เข้าทำการจับกุมตัว นายศักดิ์โกสินทร์  รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับนี้จริง   และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม  จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ทราบ และได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 4 ออ เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ต่อไป

ทั้งนี้  นายศักดิ์โกสินทร์ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหาและเปิดเผยต่อนักสืบสวนคดีทุจริต ว่ายินดีให้จับกุมเข้าสู่กระบวนการและขั้นตอนตามกฎหมาย เพราะได้ทราบข้อกฎหมายในภายหลังว่า คดีทุจริตไม่นับระยะเวลาในระหว่างหลบหนีเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ  คดีจึงไม่มีอายุความ จึงไม่อยากหนีไปทั้งชีวิต และอยากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เสร็จสิ้นเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ต่อไป.