ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินฯ กระทรวงสาธารณสุข อัปเดตสถานการณ์อุทภภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม อุทัยธานี-กาฬสินธุ์ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น เผยโรงพยาบาลยังต้องปิดบริการ 3 แห่ง พร้อมเปิดศูนย์พักพิง 99 แห่ง ทีม MCATT ประเมินสุขภาพจิตประชาชน เครียดสูง 106 ราย เสี่ยงทำร้ายตัวเอง 17 ราย 

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีสถานการณ์อุทภภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ครั้งที่ 22/2567 

โดยนพ.โสภณ กล่าวว่า ล่าสุดยังคงมีสถานการณ์ใน 15 จังหวัด ได้แก่ 

  1. เชียงใหม่ 
  2. ลำพูน 
  3. สุโขทัย 
  4. พิษณุโลก 
  5. ตาก 
  6. พิจิตร 
  7. นครสวรรค์ 
  8. ชัยนาท 
  9. อุทัยธานี 
  10. ปทุมธานี 
  11. พระนครศรีอยุธยา 
  12. นครนายก 
  13. อ่างทอง 
  14. สุพรรณบุรี 
  15. กาฬสินธุ์ 

โดยรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์ใหม่ใน อุทัยธานี  และกาฬสินธุ์  มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น  ภาพรวมมีผู้เสียชีวิตสะสม 69 ราย บาดเจ็บสะสม 2,419 ราย และสูญหาย 2 ราย สถานบริการได้รับผลกระทบ 108 แห่ง ในจำนวนนี้ยังต้องปิดบริการ 3 แห่ง คือ รพ.ค่ายกาวิละ, รพ.เซ็นทรัลเชียงใหม่ เมโมเรียล จ.เชียงใหม่ และ รพ.สต.บ้านวังลูกช้าง จ.พิจิตร มีการเปิดศูนย์พักพิง 99 แห่ง ผู้รับบริการ 1,995 ราย มากสุดอยู่ใน จ.เชียงใหม่ 71 แห่ง ผู้รับบริการ 1,606 ราย

สำหรับการดูแลประชาชนด้านสุขภาพจิต ข้อมูลล่าสุดวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ได้ออกประเมินสุขภาพจิตประชาชน 10,032 ราย พบผู้มีภาวะเครียดสูง 106 ราย และเสี่ยงฆ่าตัวตาย 17 ราย หลังให้การปฐมพยาบาลด้านจิตใจแล้วมีผู้ที่ต้องส่งต่อพบแพทย์ จำนวน 18 ราย 

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โรงพยาบาลสวนปรุง และศูนย์สุขภาพจิตที่ 1 ติดตามดูแลผู้ที่มีความเสี่ยงฆ่าตัวตายอย่างใกล้ชิด ขณะที่ จ.ลำพูน ซึ่งรับมวลน้ำจากเชียงใหม่ พบว่าเริ่มมีปัญหาน้ำท่วมขัง น้ำเน่าเสีย ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นแหล่งรังโรค ได้มอบให้กองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน และกองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนการป้องกันโรคติดต่อนำโดยแมลงในพื้นที่ รวมทั้งให้กองอนามัยฉุกเฉิน กรมอนามัย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีการเปิดศูนย์พักพิง ประสานความร่วมมือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการบันทึกข้อมูลศูนย์พักพิงชั่วคราว ข้อมูลกลุ่มเปราะบาง และดูแลด้านสุขาภิบาลต่อไป

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รับมอบผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ เพื่อช่วยผู้ประสบอุทกภัย

ด้าน นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย ภญ.ศิริวรรณ ชัยสมบูรณ์พันธ์ ผู้อำนวยการสำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รับมอบผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี เช่น ยารักษาน้ำกัดเท้า ยารักษาโรคผิวหนัง น้ำเกลือล้างแผล ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ จากสมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ 

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่สมาคมไทยอุตสาหกรรมผลิตยาแผนปัจจุบัน นำมามอบให้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเบื้องต้น มีดังนี้

1. บริษัท แอดวานซ์ฟาร์มาซูติคอล แมนูเฟคเจอริ่ง จำกัด มอบผลิตภัณฑ์ยาไมโคนาโซล (Miconazole cream) สำหรับใช้ป้องกัน การเจริญเติบโตของเชื้อรา และรักษาการติดเชื้อราบริเวณผิวหนัง น้ำกัดเท้า จำนวน 1,080 หลอด 
2. บริษัท โรงงานเภสัชกรรมแหลมทองการแพทย์ จำกัด มอบผลิตภัณฑ์ยาสกินเดียวโลชั่น สำหรับรักษาน้ำกัดเท้า จำนวน 960 กล่อง
3.  บริษัท ชุมชนเภสัชกรรม จำกัด (มหาชน) มอบผลิตภัณฑ์ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) สำหรับรักษาอาการติดเชื้อราในร่างกายและที่ผิวหนัง จำนวน 1,000 หลอด
4. บริษัท แสงไทยเมดิคอล จำกัด มอบผลิตภัณฑ์ยาโทนาฟ ครีม สำหรับใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา น้ำกัดเท้า คันตามง่ามมือง่ามเท้า จำนวน 1,200 กล่อง
5. บริษัท ที.โอ.เคมิคอลส์ (1979) จำกัด มอบผลิตภัณฑ์ยาคานาโซนบีอี (Canazole BE) สำหรับรักษาโรคผิวหนังเกิดจากเชื้อราที่มีการอักเสบ จำนวน 1,200 กล่อง
6. บริษัท ไทยโอซูก้า จำกัด มอบผลิตภัณฑ์น้ำเกลือล้างแผล จำนวน 500 ขวด
7. บริษัท ศิริบัญชา จำกัด มอบผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ จำนวน 2,640 ขวด

ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ จะเร่งการผลิตผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ เพื่อจะส่งมอบผ่านทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพิ่มเติมจนกว่าเหตุการณ์อุทกภัยจะคลี่คลาย