ชมรมนักสาธารณสุขอุบลฯ หนุน "กฎหมายแยกตัวออกจาก ก.พ." หวังช่วยยกระดับระบบสาธารณสุขไทย

ชมรมนักสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ออกแถลงการณ์ สนับสนุน (ร่าง)พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการสาธารณสุข พ.ศ. หรือร่างกฎหมายแยก สธ. หวังช่วยยกระดับมาตรฐานและประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขไทย

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 นายพัทธพล อักโข คณะกรรมการชมรมนักสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ได้แจ้งประกาศแถลงการณ์ของชมรมนักสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนำโดย นายอุทัย นิปัจการสุนทรสาธารณสุขอำเภอเมืองอุบลราชธานี ประธานชมรมนักสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการสาธารณสุข ที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข

โดยเนื้อหาระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การบริหารจัดการระบบสาธารณสุขของประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทายหลายประการ ทั้งจากการเพิ่มจำนวนของประชากร การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อต่าง ๆ การพัฒนาบุคลากรในระบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพสูงสุดจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการสาธารณสุขจึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีความสำคัญที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานและประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขไทย ดังนี้ 

 1. การปรับปรุงระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อให้การประเมินมีความเที่ยงตรงและโปร่งใส สามารถพัฒนาคุณภาพการบริการและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดีขึ้น
 2. การกำหนดมาตรฐานคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้การบริการสาธารณสุขมีคุณภาพและเป็นธรรม ส่งเสริมความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข
 3. การเพิ่มพูนสิทธิและสวัสดิการ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและแรงจูงใจในการทำงาน ช่วยให้ข้าราชการมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานได้เต็มที่
 4. การสนับสนุนการพัฒนาทักษะและความสามารถ เพื่อให้บุคลากรมีโอกาสเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง สามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ชมรมนักสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการสาธารณสุขที่เสนอ จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานบุคคลของข้าราชการสาธารณสุข ให้มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับภารกิจในการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพของประชาชน ชมรมนักสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี จึงขอแสดงการสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ร่างพระราชบัญญัตินี้จะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศต่อไป