ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานสมาพันธ์แพทย์รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป หนุนกระทรวงสาธารณสุข เดินหน้า(ร่าง) พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการสาธารณสุข พ.ศ. มองเป็นทางออกปัญหาสะสม ทั้งกำลังคน ค่าตอบแทน ภาระงาน ความก้าวหน้าต่างๆ เมื่อบริหารจัดการได้จะแก้ปัญหาสมองไหล แนะสัดส่วนคณะกรรมการตามกฎหมาย ต้องมาจากทุกวิชาชีพ และนอกเหนือแวดวงสุขภาพ  เช่น นักเศรษฐศาสตร์ นักกฎหมาย เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม

เป็นประเด็นใหญ่ของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ที่ได้รับผลโดยตรง กับ (ร่าง) พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการสาธารณสุข พ.ศ.. (กฎหมายแยกตัวออกจาก ก.พ.) ที่ขณะนี้กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข และ LAW ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2567

หลากหลายวิชาชีพเริ่มออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ ถึงโอกาสในการแยกตัวออก เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการกรอบอัตรากำลังได้เอง ลดปัญหาสะสมของกระทรวงฯมาหลายสิบปี ทั้งกำลังคนไม่สอดรับกับภาระงาน ขณะที่ผู้ป่วยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น กระทรวงฯ มีหลากหลายวิชาชีพ การขอกรอบอัตรากำลังมีจำกัด เป็นต้น

ล่าสุด “สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป” หรือที่รู้จักกันในแวดวงสาธารณสุขว่า  สพศท.  ซึ่งเพิ่งได้สรรหา ประธาน สพศท. คนใหม่  คือ  นพ.ปราโมทย์ ศรีสำอางค์ ประธานสมาพันธ์แพทย์ รพศ./รพท. ที่ได้รับตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

นพ.ปราโมทย์  ได้แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวกับสำนักข่าวออนไลน์ Hfocus ว่า หลักการใหญ่เชื่อว่า เป็นทางออกที่ตอบโจทย์ได้ เนื่องจากในกระทรวงสาธารณสุข มีหลากหลายวิชาชีพ ไม่ใช่มีแค่แพทย์ ที่ผ่านมาเคยมีเวทีแลกเปลี่ยนเรื่องนี้เกือบ 10 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งเมื่อมองภาพในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข มีกับดักอยู่ 2-3 ประเด็น คือ 1. กรอบอัตรากำลังของบุคลากรสาธารณสุข ซึ่ง ก.พ. มีหลักกำหนดอัตรากำลัง เพื่อไม่ให้มากจนเกินไป ถือเป็นหลักคิดที่ถูกต้องของการบริหารบุคลากร แต่ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข จะมีบริบทที่แตกต่างกัน เนื่องจากมีเรื่องการให้บริการ ภาระงานที่มากเกินไป เพราะผู้รับบริการมีจำนวนมากขึ้น เรียกว่า Workload  ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้เพิ่มอัตรากำลัง และมีค่าจ้างที่เหมาะสม

“ในส่วนของการเพิ่มกรอบอัตรากำลังที่สอดคล้องกับภาระงานและได้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม  หากเราสามารถแยกตัวออกจากกพ.ได้เหมือนกรณีของอัยการ และข้าราชการครู ที่ทำสำเร็จแล้ว จะทำให้ในอนาคต บุคลากรทั้งหมดจะทำงานได้อย่างมีความสุข มีดุลยภาพในการดำรงค์ชีวิต ( work life balance )และที่สำคัญยังจะช่วยป้องกันปัญหาสมองไหลในวิชาชีพที่ขาดแคลน”

2. ในส่วนของท้องถิ่น มีการเพิ่มประสิทธิภาพโดยนำงานระบบสุขภาพปฐมภูมิเข้ามาบริการประชาชน ตนมองว่า การออกจาก ก.พ. จึงเป็นเรื่องที่ดีและควรสนับสนุน เพราะกระทรวงฯ ส่งเสริมระบบสุขภาพปฐมภูมิ การแยกตัวออก ทำให้การบริหารจัดการอัตรากำลัง การวางทิศทางกำลังคนช่วยเสริมงานสุขภาพปฐมภูมิได้มากขึ้น  ที่สำคัญขณะนี้ผู้บริหารระดับสูง ทั้งฝ่ายการเมือง และข้าราชการประจำเห็นด้วยในหลักการ และพยายามให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว

“ขณะนี้การโอนถ่ายรพสต.เพื่อไปให้ท้องถิ่นรับผิดชอบ โดยเฉพาะงานในส่วนของปฐมภูมิเกือบทั้งหมด และต้องสอดคล้องกับ พ.รบ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ.2562  ดังนั้น หากออกจาก ก.พ. จะทำให้การทำงานในแต่ละระดับ มีความสอดประสานกันได้อย่างลงตัวและราบรื่น ( harmony )” นพ.ปราโมทย์กล่าว

คำถามที่หลายคนกังวลว่า จะขับเคลื่อนได้สำเร็จในรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามักสะดุด ไม่สามารถเคลื่อนได้ต่อ...  

นพ.ปราโมทย์ เผยว่า ครั้งนี้น่าจะผ่านไปได้ ประเด็นที่สำคัญมาก คือ หมวด 1 ( มาตรา 7 - 21 ) เรื่องของคณะกรรมการนั้น จะต้องมีที่มาอย่างชัดแจ้ง โปร่งใส และเป็นธรรม เพื่อให้ทุกกลุ่มวิชาชีพได้มีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง โดยโครงสร้างของคณะกรรมการข้าราชการสาธารณสุข ที่ต้องมีคณะทำงานจากภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามา ตนมองว่าสภาวิชาชีพทั้งหมด ทั้งแพทยสภา แพทยสมาคมฯ สภาพยาบาล สภาเภสัชกรรม ชมรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทุกวิชาชีพ ทุกสายงาน รวมทั้ง สพศท. จะต้องมีตัวแทนคนที่มีแนวความคิดเพื่อไปแลกเปลี่ยนให้สมบูรณ์ที่สุด และไม่ใช่แค่แวดวงสาธารณสุข ยังต้องมีการเงินการคลัง เศรษฐศาสตร์ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ต้องมาร่วมกันคิดกันทำ ขับเคลื่อนไปให้ได้

“หลักการใหญ่ของพ.ร.บ. เป็นหลักกว้างๆ แต่คณะทำงานต้องมาช่วยกันคิดช่วยกันวิเคราะห์เพื่อสามารถนำไปปฏิบัติ และให้เป็นทางออกตอบโจทย์แก้ปัญหาต่างๆ ได้จริง อะไรที่ติดขัดก็จะเดินหน้าได้ โดยเฉพาะประเด็นเงิน อัตราตำแหน่ง ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำให้ได้ ไม่ให้บางกลุ่มรู้สึกว่าตัวเองได้น้อยเกินไป” ประธาน สพศท. กล่าวทิ้งท้าย

(ข่าวเกี่ยวข้อง : “หมอประดิษฐ์” หนุนร่างกฎหมายแยกตัวออกจาก ก.พ. มองเชิงบวก ครั้งนี้การเมืองให้ความสำคัญ  )

ข่าวเกี่ยวข้อง :

-โฆษกสธ.เผย 93.2% หนุนร่างพรบ.แยกตัวออกจาก ก.พ. - ตั้ง ก.สธ.บริหารกำลังคน เงินเดือน ฯลฯ

-“หมอเมธี” มองการผลักดันร่างกฎหมาย สธ.ออกจาก ก.พ. ตอบโจทย์ Pain Point กระทรวงสาธารณสุข

-สหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน ชวนแสดงความเห็นแยกตัวออกจาก ก.พ. ปมความก้าวหน้า ค่าตอบแทน ภาระงาน

-"สมศักดิ์" เร่งดันร่างกฎหมายแยกตัวออกจาก ก.พ. ให้เสร็จในปี 68