ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. ย้ำ รพ. เพิ่มคลินิกเทคนิคการแพทย์เอกชน ร่วมตรวจแล็บผู้ป่วย ไม่กระทบจัดสรรงบ  ด้านรพ. ระบุเป็นงบสนับสนุนบริการเพิ่มเติมเพื่อดูแลผู้ป่วยเข้าถึงบริการ ลดรอคิวตรวจแล็บ ลดความแออัดใน รพ.

วันที่ 21 พ.ค. 2567 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เยี่ยมชมการดำเนินงาน “เวอร์คแล็บ สหคลินิก” หนึ่งในคลินิกเทคนิคการแพทย์เอกชน ที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อเฉพาะด้านในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” เพื่อให้บริการแก่ผู้มีสิทธิบัตรทอง ตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า แนวคิดในการเชิญชวนคลินิกเทคนิคการแพทย์เอกชนเข้าร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ก็เพื่อให้บริการแก่ผู้มีสิทธิบัตรทอง เนื่องจากสถานการณ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีคนไข้ไปรับบริการตรวจแล็บที่โรงพยาบาลจำนวนมาก ผู้ป่วยนอกจากต้องอดอาหารก่อนตรวจแล้ว เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้วก็ยังเจอกับความแออัดและรอคอยนาน จึงมีแนวคิดในการชวนคลินิกเทคนิคการแพทย์ที่เป็นเอกชนเข้ามาร่วมให้บริการ เพื่อเป็นทางเลือกในการรับบริการให้กับประชาชน ที่มีความสะดวกและประหยัดเวลามากขึ้น

ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินงานจะเริ่มจากแพทย์ตรวจคนไข้แล้วสั่งตรวจแล็บ รายชื่อคนไข้และข้อมูลการสั่งตรวจแล็บจะถูกส่งมาที่แล็บเอกชนที่อยู่ในเครือข่ายของโรงพยาบาลนั้น เมื่อใกล้ถึงวันนัดพบแพทย์ครั้งต่อไป ผู้ป่วยสามารถมารับการเจาะเลือดหรือตรวจแล็บรายการอื่นๆ ที่คลินิกแล็บเอกชน และเมื่อตรวจแล้วผลแล็บจะถูกส่งไปที่โรงพยาบาลทันที ทำให้คนไข้สามารถพบแพทย์ได้เลย เป็นการลดเวลารอคอยในโรงพยาบาลและค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยลงไปได้

สำหรับในส่วนของโรงพยาบาลนั้น ทพ.อรรถพร กล่าวว่า  อาจมีข้อกังวลว่าเมื่อมีคลินิกเทคนิคการแพทย์เอกชนมาร่วมเป็นเครือข่ายแล้ว สปสช. จะจัดสรรงบประมาณแก่โรงพยาบาลน้อยลงหรือไม่ กรณีนี้ขอเรียนว่า สปสช. ไม่ได้แตะต้องงบประมาณที่จัดสรรให้โรงพยาบาลแต่อย่างใด เพราะงบประมาณที่นำมาสนับสนุนการดำเนินงานของคลินิกเทคนิคการแพทย์นั้น เป็นงบพิเศษที่จัดสรรเพื่อให้เกิดบริการ และในทางกลับกัน การมีแล็บเอกชนเข้ามาร่วมในเครือข่ายก็เสมือนเป็นแล็บของโรงพยาบาล โดยที่โรงพยาบาลไม่ต้องลงทุนอะไร แต่สามารถกระจายคนไข้ให้ไปรับบริการได้ตามความสะดวกและไม่กระทบกับงบประมาณของโรงพยาบาล ดังนั้นขอเชิญชวนโรงพยาบาลทุกแห่ง ในการเชื่อมโยงเครือข่ายกับแล็บเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับ สปสช.

ด้าน ทนพ.โสฬส ธนิกกุล กรรมการผู้จัดการเวอร์คแล็บ สหคลินิก กล่าวว่า ตนเคยทำงานในโรงพยาบาลรัฐ ได้เห็นคนไข้ต้องมารอคิวตรวจนาน ตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาตรวจตี 5 ซึ่งในอดีตปัญหานี้แก้ไม่ได้ ต่อมาได้ออกมาทำเองในฐานะภาคเอกชน จากนั้นทางสภาเทคนิคการแพทย์และ สปสช.เขต 4 ได้ติดต่อเข้ามาว่ามีโครงการนี้เกิดขึ้น ตนมองว่าเป็นทางออกในการแก้ปัญหาแก่ผู้ป่วยได้ จึงรีบตอบรับทันที

เมื่อเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการของ สปสช. แล้ว ทาง สปสช.เขต 4 สระบุรี ได้ช่วยประสานงานเพื่อพูดคุยกับผู้บริหารโรงพยาบาลในเขต จ.ปทุมธานี และ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายกับเวอร์คแล็บฯ โดยให้ประชาชนสามารถมารับบริการที่เวอร์คแล็บฯ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลและลดเวลารอคอยของคนไข้ ซึ่งเวอร์คแล็บจะให้บริการตรวจภาวะเบาหวาน ตับ ไต เก๊า ไขมันในเส้นเลือด ความสมดุลของแร่ธาตุ ธาลัสซีเมีย ตรวจปัสสาวะ ตรวจการตั้งครรภ์ การเพาะเชื้อ ซึ่งเมื่อพูดคุยกับโรงพยาบาลถึงแนวทางการให้บริการที่ชัดเจนแล้ว จำนวนการรับบริการของคนไข้สิทธิบัตรทองก็เพิ่มขึ้นมาก

“ในฐานะคลินิกเทคนิคการแพทย์ฯ ที่ได้เข้าร่วมโครงการกับ สปสช. และได้ให้บริการคนไข้แล้วมาระยะหนึ่ง จึงอยากเชิญชวนคลินิกเทคนิคการแพทย์ที่กำลังสนใจให้เข้ามาร่วมเป็นหน่วยบริการกับ สปสช. ถือเป็นโอกาสที่จะได้ช่วยกันแก้ปัญหาของผู้ป่วย ร่วมลงแรงลงมือก่อน แล้วผลลัพธ์จะตามมา” กรรมการผู้จัดการเวอร์คแล็บ สหคลินิก  กล่าว