“นายกฯเศรษฐา -รมว. ชลน่าน -  แพทองธาร”  เตรียมคิกออฟ 7 ม.ค.นี้ ให้บริการ ‘บัตรปชช.ใบเดียวรักษาทุกที่’ บริเวณหน้าหอโหวด 101 จ.ร้อยเอ็ด พร้อมกันอีก 3 จังหวัด มีแพร่ เพชรบุรี นราธิวาส โฆษกสธ.ฝ่ายการเมืองชี้บัตรประชาชนของทุกคนจะมีคุณค่า มีความหมายต่อการตรวจรักษาสุขภาพร่างกายให้หายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย

 

เมื่อวันที่ 4 มกราคม น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า การเปิดโครงการ 30 บาท อัพเกรด ยกระดับปรับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วน ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติการบริการประชาชนด้านสาธารณสุข ตามนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ ใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี นราธิวาส ภาพรวมขณะนี้มีความพร้อม 100% โดยจะมีการคิกออฟพร้อมกันในวันที่ 7 มกราคมนี้ ที่ลานสาเกตุนคร หน้าหอโหวต 101 จังหวัดร้อยเอ็ด ในช่วงเย็นเวลา 17.00 - 19.00 น. โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดงาน และมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ บุคลากรสาธารณสุข ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น อสม. ชมรมผู้สูงอายุและประชาชน จำนวน 10,101 คน ร่วมงาน

 

น.ส.ตรีชฎากล่าวต่อว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 7 มกราคม นพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลจตุรพักพิมาน เพื่อรับทราบการดำเนินงานเกี่ยวกับประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ใบสั่งยา ใบสั่งแล็บออนไลน์ การแพทย์ทางไกล การนัดหมายออนไลน์ การส่งยาและเวชภัณฑ์ที่บ้าน และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ ส่วนช่วงบ่ายจะตรวจเยี่ยมหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการในอำเภอเมือง ที่ โรงพยาบาลจุรีเวช ร้านยาเภสัชกร เซลทรัลแล็บ 101 สหคลินิกบ้านคุณหมอ และโรงพยาบาลร้อยเอ็ด

 

โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า นับถอยหลังจากนี้ไปเหลือเพียง 3 วัน สำหรับการเดินหน้านโยบาย บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่อย่างเป็นทางการใน 4 จังหวัด และจะขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดอื่นๆ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารของกระทรวงสาธารณสุข การดำเนินการเช่นนี้เป็นไปตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยและที่รัฐบาลแถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภา ถือเป็นสัญญาประชาคมในการนำสิ่งดีๆ เพื่อสุขภาพอนามัยของคนไทยทุกคน ต่อยอดจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจากยุคพรรคไทยรักไทย สู่โครงการ 30 บาทอัพเกรด ยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศในยุคที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ยุคที่มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นเจ้ากระทรวงสาธารณสุข โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่เป็น รองประธานกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ 

 

“จากนี้ไปบัตรประชาชนของทุกคนจะมีคุณค่า มีความหมายต่อการตรวจรักษาสุขภาพร่างกายให้หายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย ถือเป็นการปฏิวัติการให้บริการตามนโยบายขับเคลื่อนยกระดับโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค โดยโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ จะให้บริการประชาชนอย่างดี ประชาชนคนไทยต้องได้รับการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมถ้วนหน้า” น.ส.ตรีชฎากล่าว