วงการยาคึก ตลาดเริ่มฟื้น คนใช้เวชภัณฑ์มากขึ้นทั่วโลก แต่ไทยยังพึ่งพายานำเข้าเยอะ ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพโอด แข่งขันลำบาก ต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตราคาพุ่ง อุตสาหกรรมยาควรเร่งสร้างสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม หรือ API (Active Pharmaceutical Ingredients) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยารักษาโรคต่าง ๆ ขึ้นใช้เองในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
กระแสเทคโนโลยีใหม่ถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาเภสัชภัณฑ์นวัตกรรมอย่าง Synthetic Biology หรือ SynBio ประสบความสำเร็จอย่างมากในการพัฒนายาและเวชภัณฑ์แนวใหม่ ขณะที่เภสัชร้านยาคือเภสัชสาขาที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด เข้าร่วมโครงการ “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” ของ สปสช.ดูแลผู้ป่วย คัดกรองความเสี่ยง และป้องกันโรค โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั่วโลกฮิตสมุนไพร ในการดูแลรักษาและป้องกันโรค ใช้มากในยา อาหารเสริมและเครื่องสำอาง
เภสัชกรทั่วไทย ผนึกกำลังจัดงานใหญ่แห่งปี งานประชุมเภสัชกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 12 (12th Thailand Pharmacy Congress) และงานวันเภสัชกรโลก 2566( World Pharmacist Day2023) เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ณ ไบเทค บางนา จัดโดยเภสัชกรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ และองค์กรเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม โดยมีเภสัชกรทั่วประเทศเข้าร่วมงานประมาณ 500 คน เพื่อร่วมอัพเดทเทรนด์ และองค์ความรู้ทางวิชาชีพเภสัชกรรมของประเทศไทย และของโลก โดยธีมวันเภสัชกรโลกในปีนี้ คือ “Pharmacy Strengthening Health System” หรือ “เภสัชกรสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบสุขภาพ” มีการมอบรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติเภสัชกรดีเด่นแต่ละสาขา , การประกวดการนำเสนอผลงานทางวิชาการด้านเภสัชกรรม และการออกบูธนิทรรศการผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ ในงานดังกล่าวด้วย
โดยกระแสด้านเภสัชกรรมของไทยพบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มความต้องการใช้ยาและเวชภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากทั่วโลกเริ่มปรับเข้าสู่สภาวะปกติ ผ่อนคลายความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 คาดว่ามูลค่ายอดขายยาและเวชภัณฑ์จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มของการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) การเข้าถึงระบบสุขภาพถ้วนหน้า กระแสการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัว มีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการในหน่วยบริการสุขภาพต่างๆมากขึ้น รวมถึงกระแสการใส่ใจ ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นเหมือนกันทั่วโลก ประเด็นที่ต้องตระหนัก คือ ประเทศไทยยังคงพึ่งพาการนำเข้ายาเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ยาที่ผลิตในประเทศ มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามามากขึ้นทั้งคนไทยและต่างชาติ ท่ามกลางกฎระเบียบภาครัฐ (อย.) เรื่องมาตรฐาน เช่น
GMP-PIC/S ส่งผลให้ผู้ผลิตมีต้นทุนเพิ่มสูงมากขึ้น อีกทั้งวัตถุดิบที่ต้องนำเข้ามีราคาสูงขึ้น ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการยาและเวชภัณฑ์ของไทยมีความสามารถในการทำกำไรลดลง ขณะที่แนวโน้มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อย่าง Synthetic Biology หรือ SynBio หรือ ชีววิทยาสังเคราะห์ คือเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง เป็นคลื่นลูกที่สองของพันธุวิศวกรรม กุญแจสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และยาใหม่ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น และออกฤทธิ์แบบมุ่งเป้าในการรักษาโรคต่าง ๆ อาทิ โรคมะเร็ง และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของระบบต่างๆของร่างกาย ได้แก่ ยากลุ่มแอนติบอดี้ ฮอร์โมน เอนไซม์ วัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็ว ในกลุ่ม mRNA และ Adenoviral vector vaccine โดยอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูงเหล่านี้
เภสัชกรต้องพัฒนายากลุ่มใหม่ๆ เพื่อใช้ในการบำบัดรักษา ยากลุ่มนี้ได้แก่ ยาที่ใช้ในการบำบัดด้วยยีน ( Gene Therapy Medicinal Product ) ยาที่ใช้ในการบำบัดด้วยเซล ( Cell Therapy Medicinal Product) วิศวกรรมเนื้อเยื่อ ( Tissue Engineering ) ตลอดจนการใช้ยาที่จำเพาะต่อบุคคล (Personalized Medicine ) อุตสาหกรรมยาควรเร่งสร้างสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม หรือ API (Active Pharmaceutical Ingredients) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยารักษาโรคต่างๆขึ้นใช้เองในประเทศโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
ในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการให้บริการประชาชน
เภสัชกรชุมชน หรือร้านยา ซึ่งเป็นสาขาวิชาชีพเภสัชกรรมที่อยู่ใกล้ชิดชุมชนมากที่สุด ในฐานะ “หน่วยบริการปฐมภูมิ” ที่คอยสนับสนุนและช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ระบบสาธารณสุข ได้แสดงบทบาทในการช่วยลดความแออัดที่โรงพยาบาล ประชาชนสามารถรับยาที่ร้านยา โดยมีเภสัชกรช่วยดูแล ในโครงการ “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” ของสปสช. (สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) โดยร้านยาที่จะให้บริการในโครงการดังกล่าว จะใช้มาตรฐาน Good pharmacy practice (GPP) ของสำนักงานคณะกรรมการอาหาร (อย.) ให้บริการดูแลโรคทั่วไปหรือการเจ็บป่วยเล็กน้อย (common illnesses) สำหรับผู้มีสิทธิบัตรทองทุกคน ครอบคลุมการดูแล 16 กลุ่มอาการ ได้แก่
อาการปวดหัว
- เวียนหัว
- ปวดข้อ
- เจ็บกล้ามเนื้อ
- ไข้
- ไอ
- เจ็บคอ
- ปวดท้อง
- ท้องเสีย
- ท้องผูก
- ถ่ายปัสสาวะขัด/ปัสสาวะลำบาก
- ปัสสาวะเจ็บ
- ตกขาวผิดปกติ
- อาการทางผิวหนัง
- ผื่น
- คัน
- บาดแผล
ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตา
ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหู
พร้อมติดตามอาการหลังรับยา โดยมีเภสัชกรช่วยให้ความรู้และให้คำปรึกษาเพื่อประชาชนสามารถป้องกันโรค และคัดกรองความเสี่ยง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายขณะที่ทางด้านของสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติยังคงติดอันดับโลกที่มีความต้องการใช้สูงมาก ทั้งยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอางค์สมุนไพร ความท้าทายของวิชาชีพเภสัชกรรมของไทย คือ ทำอย่างไรให้เกิดการสร้างนวัตกรรมสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก โดยอาศัยความหลากหลายทางชีวภาพ และภูมิปัญญาของประเทศไทยที่สั่งสมมาช้านานมาก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยการใช้เทคโนโลยีมาช่วยสร้างนวัตกรรม ก่อเกิดเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
สำหรับรายชื่อเภสัชกรที่ได้รับรางวัลเภสัชกรดีเด่นแต่ละสาขา ประจำปี 2566 ได้แก่
- สาขาเภสัชกรรมโรงพยาบาล : ภก.ธีรวิทย์ บำรุงศรี
- สาขาเภสัชกรรมชุมชน : ภญ.ศิวพร ปีเจริญทรัพย์
- สาขาเภสัชกรรมการตลาด: ภก.จีระศักดิ์ พิศิฏฐศักดิ์
- สาขาเภสัชกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค: ดร.ภญ.มุกดาวรรณ ประกอบไวทยกิจ
- สาขาเภสัชกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค : ภก.ภาณุโชติ ทองยัง
- สาขาเภสัชรรมด้านทะเบียนและกฎหมายผลิตภัณฑ์ : ภญ.สุพัตรา จิรรัศมิ์
- สาขาเภสัชศาสตร์การศึกษา : ศ.ดร.ภญ.รุ่งเพ็ชร สกุลบำรุงศิลป์
- สาขาเภสัชกรรมด้านวิจัยและนวัตกรรม : ศ.ดร.ภก.ธีระพล ศรีชนะ
- สาขาเภสัชกรรมสี่เหล่า : ภก.พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล
- สาขาการประยุกต์ใช้วิชาชีพเภสัชกรรมให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม : ผศ.ดร.ภก.ดำรงศักดิ์ เป๊กทอง
- สาขาเภสัชกรรุ่นใหม่ : รศ.ดร.ภญ.จิตติมา ลัคนากุล
สำหรับปีนี้ นับเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง ที่มีเภสัชกรไทย 2 ท่าน ได้รับรางวัล FAPA Award 2023 ได้แก่
- ผศ.ดร. ภญ รจพร วัชโรทยาง ได้รับรางวัล FAPA Award 2023 สาขา Industrial and Marketing
- ภญ วรัญญ เล่งวิริยะกุล ได้รับรางวัล FAFA Award 2023 สาขา Young Pharmacist Award
โดยทั้ง 2 ท่าน จะเดินทางไปรับรางวัลดังกล่าว ณ ประเทศไต้หวัน ในเดือนตุลาคมนี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งแก่เภสัชกรไทยและประเทศไทย เพราะเป็นรางวัลในระดับนานาชาติ ที่มาจากคัดเลือกเภสัชกรที่มีผลงานและความสามารถอันเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนจากประเทศสมาชิกของสหพันธ์เภสัชกรรมสมาคมแห่งเอเชีย (FAPA) ทั่วทวีปเอเชีย
เนื่องในโอกาส วันเภสัชกรโลก ( World Pharmacist Day ) 25 กันยายน ของทุกปี เภสัชกรไทยทุกสาขา พร้อมใจกันผสานความร่วมมือเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบสุขภาพ อันเป็นธีมของวันเภสัชกรโลกปี 2566 นี้ นั่นคือ “Pharmacy Strengthening Health System” ที่กำหนดโดย สหพันธ์เภสัชนานาชาติ (FIP หรือ International Pharmaceutical Federation) โดยการยึดมั่นในหน้าที่ และจรรยาบรรณแห่งการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ร่วมกับบุคคลากรทางสาธารณสุขแขนงอื่นๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดแด่ผู้ป่วย อันเป็นเป้าหมายสูงสุดแห่งการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 478 views