“อนุทิน” ฝากข้าราชการประจำวางแนวทางดูแลผู้สูงอายุทุกมิติ อย่ารอนโยบายพรรคการเมือง ขณะที่ตนอยู่ในสภา จะเร่งผลักดันกฎหมายสวัสดิการผู้สูงวัย จัดโครงการที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น เช่น 1 ตำบล 1 บ้านพักผู้สูงอายุ ส่วนสถานการณ์การเมืองไม่น่ายืดเยื้อเกินเดือนนี้ พร้อมตอบแกมหัวเราะจะเป็นพรรคอันดับ 3 ตั้งรัฐบาลหรือไม่
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวเปิดงาน ประชุมวิชาการเวชศาสตร์และวิทยาการด้านผู้สูงอายุ มหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุครั้งที่ 4 ว่า สธ.ประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทยเนื่องจากเราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ อัตราส่วนของผู้สูงวัยในโลกนี้จะมีแต่เพิ่มมากขึ้น ไม่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งประชากรผู้สูงอายุไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นร้อยละ 20 ของประชากรหรือประมาณ 13.5 ล้านคน เรากำลังเผชิญความท้าทายหลายด้านทั้งสิ่งแวดล้อม ระบบสวัสดิการสังคม ระบบบริการสุขภาพ และค่าใช้จ่ายเหล่านี้ เป็นต้น
“อนุทิน” ฝากข้าราชการประจำวางแนวทางดูแลสูงวัยทุกมติ อย่ารอนโยบายพรรคการเมือง
นายอนุทินกล่าวว่า การจัดงานประชุมวิชาการวันนี้ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญ ต้องผลักดันในสิ่งที่อยู่ในอำนาจของหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐ เอกชน ที่ร่วมมือร่วมทำ จะไปรอนโยบายพรรคต่างๆ ที่อาจจะไม่ได้มาคุมกระทรวงนี้ ก็อาจจะมีความไม่สะดวกเกิดขึ้นเพราะฉะนั้นฝ่ายประจำต้องกำหนดภารกิจหลักแล้วนำเสนอฝ่ายนโยบาย รับรองว่าใครก็ตามที่เข้ามากำกับดูแล สธ.ถ้าได้รับการเสนอที่ดีจากภาคปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องผู้สูงอายุ คิดว่ารัฐมนตรีทุกคนก็ต้องรีบทำ เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่เขาจะสามารถทำให้โครงสร้างการดูแลสังคมผู้สูงอายุในไทยเกิดขึ้น
ย้ำในฐานะอยู่สภา จะผลักดันกฎหมายสวัสดิการผู้สูงวัย ผุดโครงการที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้น
"สิ่งที่ผลักดันได้ ผมเองในฐานะที่อยู่ในสภาก็จะเร่งผลักดันให้เกิดกฎหมายสวัสดิการผู้สูงวัย เกิดโครงการที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้นเพื่อผู้สูงอายุ สมัยก่อนมี 1 ตำบล 1 รพ.สต. 1 ตำบล 1 ทุนแพทย์ สุดท้ายก็ต้องมี 1 ตำบล 1 บ้านพักผู้สูงอายุอย่างนี้เป็นต้น ก็ต้องทำให้ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในประเทศนี้ ต้องออกแบบสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เอื้อต่อการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ ความสะดวกสบาย การคมนาคม สามารถพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด ต้องปรับปรุงกฎหมายแรงงาน คนต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานในไทยจะต้องทำอย่างไร เพราะถ้าเราเป็น Aging Society แรงงานของเราจะลดน้อยลง ก็ต้องหาวิธีสมดุลให้ได้ ให้เพิ่มผลผลิตต่างๆได้ ปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ทบทวนโครงสร้างภาษีที่เราต้องพยากรณ์รายได้ที่จะหายไปจากสังคมผู้สูงอายุ" นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเราเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ทางฝ่ายการเมืองแต่ละพรรคก็มีนโยบายต่อผู้สูงอายุ แต่ในส่วนของราชการก็ผนวกแผนงานทั้งหลายเอาไว้ คิดว่าไทยเราคงจะรับมือกับสถานการณ์ของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบได้ นี่คือสิ่งที่สำคัญมากหลีกเลี่ยงไม่พ้นแล้ว ต้องเผชิญกับมันและมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน หลักการเป้าหมายคือการดูแลให้ไม่เป็นภาระต่อสังคมและงบประมาณ ทำให้ท่านมีอายุยืนเป็นร้อยกว่าปีได้ตามที่เราอวยพรผู้สูงอายุจริงๆ
เมื่อถามถึงมาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุ นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่ได้เพิ่งทำตั้งแต่ต้นปีนี้ เราทำอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา สธ.ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งรัฐและเอกชนดูแลผู้สูงอายุให้สอดคล้องกับสังคมผู้สูงอายุที่หนีไม่พ้นแล้ว เท่าที่ร่วมงานกับ สธ.และ สปสช.ก็เห็นความพร้อม แต่จะไม่มีคำว่าพอ ต้องพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ตามจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ตามวิถีชีวิตที่ต้องติดตามตลอดว่า จะให้บริการอย่างไรเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ดูแลตัวเองได้ ประกอบอาชีพหารายได้ให้ตัวเองได้ ให้เป็นภาระลูกหลานและสังคมน้อยที่สุด ไม่ใช่แค่ สธ.แต่ต้องเป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาลที่ต้องเตรียมพร้อมเหล่านี้ ซึ่งได้หารือกับผู้บริหาร สธ.ตลอดเวลา โดยเฉพาะปลัด สธ.และเลขาธิการ สปสช. จะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับผู้สูงอายุของส่วนข้าราชการประจำให้มั่นคงเข้มแข็ง เมื่อฝ่ายการเมืองที่จะเข้ามาจะได้ไปต่อยอดสิ่งที่อยู่นอกเหนืออำนาจของฝ่ายข้าราชการประจำ หาทั้งงบประมาณ สาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อดูแลผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นการบูรณาการกันได้เป็นอย่างดี
“อนุทิน” เผยสถานการณ์การเมืองไม่น่ายืดเยื้อเกินเดือนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมภาษณ์ประเด็นนโยบายดูแลผู้สูงอายุ นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ว่า เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วพรรคภูมิใจไทย ได้หารือร่วมกับพรรคเพื่อไทย ว่าหากมีความจำเป็นต้องมาร่วมงานกัน โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้แจ้งจุดยืนแนวทางของพรรคไปแล้วตามที่เป็นข่าว
เมื่อถามว่าปัจจุบันผ่านการเลือกตั้ง 2 เดือนแล้ว แต่การเมืองก็ยังดูยืดเยื้ออยู่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมองว่าควรจะเร่งให้เร็วที่สุด ไม่น่าจะยืดเยื้อเกินเดือนนี้ แต่หากเทียบกับปี 2562 ตอนนี้ก็ยังอยู่ในเวลา แต่ควรทำให้เร็วขึ้นถ้าทำได้ ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการให้มีผลสรุปโดยเร็วอยู่แล้ว
“คิดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้า เพราะสัปดาห์นี้ ท่านประธานรัฐสภา (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) ไปประชุมสภาอาเซียน ที่อินโดนีเซีย ก็คงต้องเป็นสัปดาห์หน้า
ตอบปมจะเป็นพรรคอันดับ 3 ตั้งรัฐบาลหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคอันดับที่ 3 จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล นายอนุทิน อมยิ้มและกล่าวพร้อมกับหัวเราะว่า “ขอ ให้มีความสุขทุกคนครับ”
- 180 views