ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผอ.กองส่งเสริมสวัสดิการฯ ขับเคลื่อนนโยบาย 5x5 แก้วิกฤติประชากร ชี้ 10 ปีข้างหน้าประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 28% ครอบครัวเล็กลง- ผู้สูงอายุอยู่ลำพัง - สัมพันธภาพครอบครัวไม่ดี - ยากจน  

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ไทยพีบีเอส Live กิจกรรม HAPPY TALK HAPPY FORUM  ประเด็นหาทางออกปัญหาสุขภาพจิตในสังคมไทย กับหลากหลายโครงการของภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพจิต เพื่อสร้างภูมิทางใจให้พ้นทุกข์เกิดสุขง่าย  โดยภายในงาน นางวาสนา ทองจันทร์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสวัสดิการและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ เผยว่า ตอนนี้ประเทศไทยเป็นผู้สูงอายุ 20%  อีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นระดับสุดยอดคือ 28% ถ้าเดินมา 100 คนเป็นผู้สูงอายุ 28 คนแล้ว และครอบครัวเล็กลง บางคนอยู่กัน 2 คนตายาย บางคนอยู่คนเดียว สัมพันธทางภาพครอบครัวไม่ดี อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องยากจน ต้องขอบคุณท่านวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของไทย ทีมมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ และเครือข่ายต่างๆ ที่เล็งเห็นในความสำคัญของเรื่องวิกฤตประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและได้มีมาตรการออกมาเรียกว่า 5 คูณ 5 

ซึ่งในเรื่องแรกคือ 1. การเสริมพลังวัยทำงาน 2. การเพิ่มคุณภาพและผลิตภาพเด็กและเยาวชน  ซึ่งจะเห็นว่าเด็กเกิดน้อยและด้อยคุณภาพ 3. การสร้างพลังผู้สูงอายุ 4. เพิ่มโอกาสและสร้างคุณค่าของคนพิการ และ 5. การสร้างระบบนิเวศ  ซึ่งในนโยบายนี้ผู้สูงอายุอยู่ในมาตรการที่ 3 ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ได้สร้างบริบาลคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุในชุมชน โดยสร้างนักบริบาลที่จะไปดูแลผู้สูงอายุในชุมชนเราไม่ได้เน้นมิติสุขภาพ แต่ผู้บริหารคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุในชุมชนต้องทำห้ามิติคือวัตถุประสงค์ในโครงการนี้เราต้องการขยายเวลาผู้สูงอายุ active aging  ลดการติดเตียงของผู้สูงอายุ และไม่อยากให้ผู้สูงอายุอยู่ในภาวะพึ่งพิง  ถ้าทำได้จะสามารถลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลและค่ารักษาพยาบาลในระยะยาว 

นางวาสนา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุมีทั้งหมด 12 จังหวัด 19 พื้นที่ และต้องขอบคุณที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยหน้าที่ผู้บริบาลคือ ช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองพิทักษ์สิทธิ์ผู้สูงอายุ  ส่งเสริมผู้สูงอายุติดบ้านติดสังคมให้ร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง  ส่งเสริมให้เข้าถึงสวัสดิการอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง  จัดบริการ 5 มิติ ( สังคม สุขภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี) และให้คำปรึกษาแนะนำแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้สูงอายุ  ซึ่งได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเคลือข่ายต่างๆ 

นอกจากนี้ เรายังมีโรงเรียนผู้สูงอายุอีก 2,000 แห่งที่มีกิจกรรมผู้สูงอายุและมีการสนับสนุนงบประมาณในการขับเคลื่อนด้วย  อีกอย่างที่สำคัญคือ จะเห็นว่าผู้สูงอายุถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงจำนวนมาก อยากฝากสื่อทุกสื่อให้ช่วยกัน เพราะหนึ่งวันกรมผู้สูงอายุได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นข้าราชการเกษียณจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้คอลเซ็นเตอร์ไม่ได้ใช้โทรศัพท์เพียงอย่างเดียว แต่จะเข้าไปประชิดตัวจนถึงบ้าน หลอกให้ทำแอพทางลัด 

“ผู้สูงอายุผู้สูงวัยคือสายใย แห่งครอบครัว ฝากทุกท่านดูแลสมาชิกที่บ้านด้วย” นางวาสนา กล่าวทิ้งท้าย