“หมอบัญญัติ” ยันพรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี  ย้ำ! หากปล่อยเสรีจะส่งผลให้เกิดโทษและพิษภัยต่อสมองของพี่น้องประชาชน จากเบาไปหาหนัก ระยะแรกจะทำลายสมองส่วนควบคุมสติปัญญาและเหตุผล ระยะที่ 2  สารเสพติดจะทำลายสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ระยะที่ 3  สมองจะเหลือแต่ส่วนสัญชาตญาณ  ขาดการควบคุม  ทำอะไรขาดการยับยั้งชั่งใจ  เป็นอันตรายต่อ ร่างกาย จิตใจ สังคม  

ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นความขัดแย้งกับนายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปม พ.ร.บ. กัญชา กัญชงเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่เวทีกลางลานนาคาเบิกฟ้า อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย    ว่า ภูมิใจไทยทำมาถึงจุดนี้ ก็ถือว่านโยบายกัญชาประสบความสำเร็จแล้ว ต่อให้มี หรือ ไม่มี พ.ร.บ. ประชาชน สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชา ได้อย่างเต็มที่  พรรคที่ไม่สนับสนุนให้มีกฎหมายมาควบคุมเรื่องสันทนาการ ท่านต้องไปตอบประชาชนให้ได้ว่า ทำไมท่านถึงค้าน อย่างไรก็ตาม  ไม่ควรมานั่งตอบโต แล้วเดินไปข้างหน้า มือทำงาน สมองคิด การจะเป็นพรรคร่วม เราก็ทำตามบทบาท ทำประโยชน์ให้ประชาชน  

ความคืบหน้าล่าสุด นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส. จังหวัดระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ยังออกมาระบุถึง การที่รองโฆษกพรรคภูมิใจไทยออกมาตอบโต้ความเห็นของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น ที่แถลงข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ "สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี" และนายจุรินทร์ยังตอบคำถามของผู้เสนอร่างพรบ.กัญชาว่า "พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ไปรับงานใครมา พรรคประชาธิปัตย์รับงานประชาชนมา" ตนขอยืนยันว่า สิ่งที่นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคของตนแถลงไปนั้น เป็นความเห็นของคนทั้งพรรคประชาธิปัตย์ 

นพ.บัญญัติ กล่าวอีกว่า  ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนเรื่องการส่งเสริมกัญชาทางการแพทย์มาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเข้าพิจารณาในชั้นรับหลักการวาระที่ 1 เสียอีก กล่าวคือ เมื่อปี 63 สภามีการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง และกระท่อมอย่างเป็นระบบ ตนก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็นในฐานะ กมธ. วิสามัญ ฯ ชุดดังกล่าว โดยร่วมทางออกในการนำพืชที่เป็นยาเสพติดให้โทษในขณะนั้นโดยเฉพาะกัญชา กัญชง และกระท่อม มาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เป็นหลัก โดยรัฐบาลต้องมั่นใจว่าสามารถควบคุมโทษ และพิษภัย โดยเฉพาะสาร THC ที่มีความสามารถในการเสพติดให้ได้ด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้มีการปลูกกัญชาอย่างเสรี ปล่อยให้มีการจำหน่ายกัญชาอย่างเสรี ให้มีการเสพกัญชาอย่างเสรี 

อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ. วิสามัญ ฯ ชุดดังกล่าว ได้จัดทำรายงาน และข้อสังเกต นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร กระทั่งสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ ซึ่งโดยสรุปข้อสังเกตท้ายรายงานฉบับดังกล่าว ให้สามารถนำกัญชา กัญชง และกระท่อม มาในประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น ยังมีข้อสังเกตท้ายรายงาน ให้รัฐบาลเสนอ "ร่าง พ.ร.บ. พืชควบคุมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ พ.ศ. .... " ด้วย แต่ปรากฎว่าทางผู้เสนอร่างกฎหมายกัญชาในครั้งนี้ กลับไม่ยอมเสนอร่างพ.ร.บ. ตามข้อสังเกตในรายงานฉบับดังกล่าว กลับเสนอ "ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. .... " แทน ซึ่งตนและพรรคประชาธิปัตย์มีความกังวลในหลายมาตรา 

ก่อนปิดสมัยประชุม ในเดือนกันยายน 65 พรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกสภาผู้แทนราษรก็มีมติเสียงข้างมากให้ กมธ. วิสามัญ ฯ ชุดนี้ ถอนร่างไปทบทวนเสียใหม่ ให้มีความสมบูรณ์ แต่เป็นที่น่าเสียดาย คณะกมธ. วิสามัญ ฯ ชุดนี้กลับยืนยันร่างเดิมทุกมาตรา โดยไม่มีการทบทวน แต่อย่างใด ที่น่ากังวล คือ ร่างมาตรา 3 มีการระบุว่า "กัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ" ซึ่งตนและพรรคประชาธิปัตย์มีความกังวลมาก หากปล่อยผ่านไป จะปิดช่องทางในการทบทวนทางวิชาการและข้อกฎหมาย ให้สามารถประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษในอนาคตได้อีกครั้ง   

นอกจากนี้ตนในฐานะของผู้อภิปรายรับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ฉบับนี้ในวาระ 1 ก็เคยตั้งข้อสังเกตไว้อีกด้วยว่า จะต้องเป็นการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น และยังเสนอให้ กมธ. วิสามัญฯ ชุดนี้ ตั้งตัวแทนจากสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา แต่ก็ทราบว่า ไม่มีการตั้งตามที่ตนเสนอแต่อย่างใด  

“  กัญชาแม้ไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษ ตามนิยามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนปัจจุบัน ที่ลงนามประกาศไปแล้วเมื่อต้นปี 65 แต่ทางการแพทย์ทั่วโลกก็ยังจัดกัญชาเป็นสารเสพติด"  นพ.บัญญัติ กล่าว

** นพ.บัญญัติ กล่าวอีกว่า หากปล่อยให้มีการใช้กัญชาอย่างเสรี เช่นในปัจจุบัน ระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโทษและพิษภัยต่อสมองของพี่น้องประชาชน จากเบาไปหาหนัก ดังนี้

ระยะที่ 1 สารเสพติดจะทำลายสมองส่วนควบคุมสติปัญญาและเหตุผล

ระยะที่ 2 สารเสพติดจะทำลายสมองส่วนควบคุมอารมณ์

ระยะที่ 3  เมื่อสมองถูกทำลายในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 สมองจะเหลือแต่ส่วนสัญชาตญาณ ที่ขาดการควบคุม คล้ายสมองซาตาน หรือเอเลี่ยน ทำอะไรไปโดยขาดการยับยั้งชั่งใจ ขาดเมตตา เป็นอันตรายต่อ ร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ ซึ่งตนรู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง