หนึ่งในอนุกรรมการกลั่นกรองงบฯ สปส. หนุนขยายสิทธิผู้ประกันตนเหมือนบัตรทอง รับยาเจ็บป่วยเล็กน้อย “ร้านยาคุณภาพ” 30 บาทรักษาทุกที่ สิทธิสุขภาพไม่ควรมีสิทธิไหนด้อยกว่ากัน พร้อมเสนออาจซื้อบริการผ่านสปสช. ล่าสุดบอร์ดการแพทย์ ประกันสังคมอยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มเติม

 

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พญ.ชุตินาถ ชินอุดมพร  หนึ่งในทีมประกันสังคมก้าวหน้า และอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณและขับเคลื่อนการดำเนินงานจากเงินกองทุน เพื่อบริหารงานของสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยกับ Hfocus ว่า ในการประชุมคณะกรรมการประกันสังคมเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่นมา ทีมประกันสังคมก้าวหน้า โดย รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี หนึ่งในกรรมการประกันสังคม ได้เสนอในวาระการประชุมกรณีขยายสิทธิการรับยาใกล้บ้านให้กับผู้ประกันตน เช่นเดียวกับผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง เนื่องจากเล็งเห็นว่า ประเด็นสิทธิสุขภาพไม่ควรมีสิทธิไหนด้อยกว่ากัน ไม่เช่นนั้นย่อมเกิดความเหลื่อมล้ำ สิทธิสุขภาพ จึงควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่คนไทยควรได้รับเหมือนกัน

หนุนสิทธิผู้ประกันตนรับยา ร้านยาคุณภาพ 

พญ.ชุตินาถ กล่าวอีกว่า  เมื่อระบบการบริการสุขภาพปฐมภูมิ หรือไพรมารีแคร์ ของประกันสังคมยังไม่มีความเข้มแข็งมาก ซึ่งยังเป็นจุดอ่อน เพราะที่ผ่านมาผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยต้องเดินทางไป รพ.ตามสิทธิเท่านั้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง และต้องไปรอคิว แออัดในสถานพยาบาล ทั้งที่เจ็บป่วยเล็กน้อยสามารถใช้สิทธิได้เหมือนกับระบบบัตรทอง รับยาในร้านยาคุณภาพ ตามโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ จึงเสนอให้มีการพิจารณาเรื่องนี้  

“ล่าสุดเมื่อมีการยื่นเรื่องไปยังบอร์ดประกันสังคม ซึ่งไม่ได้มีกรรมการท่านใดคัดค้าน และขณะนี้คณะกรรมการการแพทย์ของบอร์ดประกันสังคม ได้รับเรื่องเพื่อศึกษาเพิ่มเติม หากทำได้ ก็จะช่วยให้ผู้ประกันตน 13 ล้านคน มีสิทธิใช้บริการผ่านรูปแบบปฐมภูมิเหมือนบัตรทอง” พญ.ชุตินาถ กล่าว

พญ.ชุตินาถ กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุผลที่สนับสนุนการขยายบริการร้านยาคุณภาพ มายังผู้ประกันตนนั้น เนื่องจากมีข้อมูลชัดเจนว่า ส่งผลดีต่อผู้รับบริการ อย่างข้อมูลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เผยว่า ในปีงบประมาณ 2567 มีร้านยาที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 5,348 แห่ง และมีการให้บริการในระบบ 2,649 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 49.53 ของร้านยาที่ให้บริการทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายเครือข่ายบริการยาใกล้บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผู้รับบริการมากถึง 1,442,891 คน และบริการรวมทั้งสิ้น 3,573,254 ครั้ง หรือเฉลี่ย 2.48 ครั้งต่อคน ชัดเจนว่า คนรับบริการมากขึ้น ซึ่งช่วยลดความแออัดในการต้องไปใช้บริการยังโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง ซึ่งเรื่องนี้ทาง Hitap มีการศึกษาเช่นกัน

ชงประกันสังคม ซื้อบริการปฐมภูมิผ่านสปสช.

อนุกรรมการฯ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ขอสนับสนุนให้ประกันสังคมขยายสิทธิตรงนี้ให้เหมือนบัตรทอง ไม่ควรมีสิทธิไหนด้อยกว่าสิทธิอื่น เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน  และอยากให้ “ร้านยาคุณภาพ” จ่ายยาเจ็บป่วยเล็กน้อย เป็นโครงการนำร่อง ก่อนขยายเหมือนสปสช.ที่มีหน่วยบริการนวัตกรรมต่างๆ ทั้งร้านยา คลินิกวิชาชีพต่างๆ ทั้งคลินิกเวชกรรมหรือคลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเทคนิกการแพทย์ คลินิกกายภาพบำบัด เป็นต้น

“ประกันสังคมอาจไม่ต้องจัดรูปแบบใหม่ แต่สามารถซื้อบริการผ่าน สปสช. ซึ่งเคยทำแล้ว อย่างสิทธิผู้พิการ หากใครสะดวกใช้บริการบัตรทองก็ทำได้ และประกันสังคมตามจ่ายทีหลัง ซึ่งได้รับการตอบรับดี และสะดวกมากกว่า” พญ.ชุตินาถ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการรวมกองทุนในอนาคตหรือไม่ พญ.ชุตินาถ กล่าวว่า ไม่ใช่รวมกองทุน แต่เป็นการให้บริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน ที่ไม่ควรมีความแตกต่างกันของแต่ละสิทธิสุขภาพ   

ทั้งนี้ สำหรับหนังสือการขอเพิ่มวาระการประชุมบอร์ดสปส. เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม เสนอให้มีการเพิ่มวาระขยายสิทธิรับยาใกล้บ้านให้กับผู้ประกันตน โดยแนบข้อมูลสถิติและเหตุผลสนับสนุน ดังนี้

1.ขยายบริการร้านยาคุณภาพ  :   ในปีงบประมาณ 2567 มีร้านยาที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 5,348 แห่ง และมีการให้บริการในระบบ 2,649 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 49.53 ของร้านยาที่ให้บริการทั้งหมด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายเครือข่ายบริการยาใกล้บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผู้รับบริการมากถึง 1,442,891 คน และบริการรวมทั้งสิ้น 3,573,254 ครั้ง หรือเฉลี่ย 2.48 ครั้งต่อคน

2. การชดเชยค่าใช้จ่าย : ร้านยาที่เข้าร่วมได้รับการชดเชยคงที่ที่ 174.01 บาทต่อครั้ง ในช่วงปีงบประมาณที่ผ่านมา มีการจ่ายชดเชยรวมเป็นเงิน 621,777,723.99 บาท แสดงถึงการบริหารจัดการงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

3.คาดการณ์จำนวนผู้ใช้บริการตามสิทธิ : คาดการณ์ว่า ผู้ใช้สิทธิประกันสังคมจะใช้บริการยาใกล้บ้านประมาณ 688,789 ครั้งในปีงบประมาณ2567 ซึ่งมีการชดเชยรวมเป็นเงิน 123,982.020 บาท การขยายช่องทางดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล หากสำนักงานใช้บริการของ สปสช.

4.ความครอบคลุมของประกันสังคม : ผู้ใช้สิทธิประกันสังคมมีสัดส่วน 20% ของผู้รับบริการทั้งหมด หรือประมาณ 13,570,000 คน การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงร้านยาชุมชน จะช่วยลดภาระของรพ.ลงและทำให้การดูแลรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

จากข้อมูลดังกล่าว ขอเสนอให้บอร์ดประกันสังคม มีมติมอบหมายให้คณะกรรมการการแพทย์พิจารณาเห็นชอบพัฒนานโยบาย สิทธิรับยาร้านยาของผู้ประกันตนม.33 และม.39 ในมุมมองสุขภาพและการแพทย์ และมอบหมายให้อนุกรรมการพัฒนาสิทธิประโยชน์ ให้ความเห็นในประเด็นผลได้และผลเสียต่อฝั่งนายจ้างและผู้ประกันตน เพื่อเป็นข้อมูลการพิจารณาของคณะกรรมการต่อไป ภายใน 45 วันหลังมติของคณะกรรมการ