เครือข่ายแพทย์ นักวิชาการยืนยัน ประกาศกระทรวงฯ นำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ควบคุมได้เร็วสุด ส่วน(ร่าง)พรบ.กัญชา 4 ฉบับเดิมใช้ไม่ได้! ไม่สามารถคุมสันทนาการ ชี้ควรออกประกาศกระทรวงฯ ควบคุมก่อน เพราะเร็วสุด จากนั้นยกร่าง พรบ.ฉบับใหม่ หลังกลับเป็นยาเสพติด

 

จากกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.) ระบุว่า นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการควบคุมกัญชา ด้วยพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)  ภายหลังจากที่นายกฯเชิญนายอนุทินและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รมว.สาธารณสุขเข้าหารือเกี่ยวกับเรื่องกัญชาก่อนการประชุมครม.เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา ขณะที่นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ล่าสุดยืนยันไม่ต้องใช้ประกาศกระทรวงฯ กลับเป็นยาเสพติด เพราะเดินหน้า พ.ร.บ.นั้น

นักการเมืองต้องเป็นสุภาพบุรุษ 

ล่าสุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องกัญชา ขณะนี้(ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดประเภท 5 พ.ศ.... ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ก็ได้ส่งไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(บอร์ดป.ป.ส.)แล้วและในส่วนของพ.ร.บ.กัญชา ที่ยังค้างอยู่ในสภา 3 ฉบับ และฉบับของสธ.ก็ได้ส่งออกจากกระทรวงฯไปแล้ว รวมเป็น 4 ฉบับ

“เรื่องกัญชาก็ไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากที่เคยให้ข้อมูลไปแล้ว ยังเท่าเดิม ไม่มีอะไรพูดเพิ่ม เราต้องเป็นสุภาพบุรุษ เป็นนักการเมืองต้องเป็นสุภาพบุรุษ  สิ่งที่เราต้องทำให้ดีที่สุด ก็คือการวางนโยบาย กรอบ  ผลงาน เพราะจ้างคนมาเป็นรัฐมนตรี คือ มาวางนโยบาย”นายสมศักดิ์กล่าว 

ประกาศกระทรวงฯ นำกัญชากลับเป็นยาเสพติด ควบคุมได้เร็วสุด

ขณะที่ ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และหนึ่งในเครือข่ายนักวิชาการ และภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่จะต้องดำเนินการในตอนนี้คือ บอร์ดป.ป.ส.จะต้องนำ(ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดมาพิจารณาและเห็นชอบ เนื่องจากเป็นช่องทางที่จะสามารถควบคุมกัญชาได้เร็วที่สุด จากนั้นจึงค่อยพิจารณาออกพรบ.กัญชาออกมาควบคุม ซึ่งสามารถดำเนินการด้วยศักดิ์ของกฎหมายพรบ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 และพรบ.ควบคุมกัญชาเท่ากัน 

“ปัจจุบันไม่มีกฎหมายอะไรมาควบคุมการใช้กัญชา ประเทศไทยเสรีที่สุดในโลก จึงต้องมีประกาศกระทรวงฯ ออกมาควบคุมก่อน และพ.ร.บ.กว่าจะออกมาได้ก็หลายปี ดังนั้น การออกประกาศสธ.กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดถือเป็นแนวทางที่เร็วที่สุดที่จะควบคุมการใช้กัญชาได้ในตอนนี้”ผศ.นพ.สมิทธิ์กล่าว 

ยัน(ร่าง)พรบ.กัญชาทั้ง 4 ฉบับ ไม่สามารถคุมสันทนาการ

ผศ.นพ.สมิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับ(ร่าง)พรบ.กัญชากัญชงที่มีการยกร่างและมีการเสนอเข้าสู่สภาและครม.นั้น ไม่มีฉบับใดที่สามารถควบคุมกัญชาได้ดี  คือ วิธีการควบคุมกัญชาของ(ร่าง)พรบ.ทั้ง 4 ฉบับยังต่ำกว่าประเทศที่อนุญาตให้ใช้กัญชาในเชิงสันทนาการได้ การจะอ้างว่า4 ฉบับนี้เพื่อยกเลิกสันทนาการเป็นไปไม่ได้ ทั้ง 4 ฉบับนี้ไม่สามารถยกเลิกใช้เชิงสันทนาการ อาจจะมีฉบับของสธ.ที่มีการระบุว่า ห้ามเพื่อสันทนาการ แต่สุดท้ายเขียนไว้แล้วไม่ได้บังคับจริงจังก็ทำอะไรไม่ได้ 

ยก(ร่าง)พรบ.กัญชาฉบับใหม่ หลังกลับเป็นยาเสพติด

เพราะฉะนั้น เมื่อมีการออกประกาศสธ.ให้กัญชากลับเป็นเยาเสพติดแล้ว จะต้องมีการยก(ร่าง)พรบ.กัญชาฉบับใหม่ขึ้น ไม่ใช่พิจารณาจาก 4 ฉบับที่มีอยู่แล้ว โดยหากจำกัดการใช้ประโยชน์กัญชาแค่งานวิจัย เศรษฐกิจ การรักษาโรคต้องกำหนดกลุ่มคนที่สั่งใช้ได้ หรือถ้าจะให้ปลูกเพื่อรักษาตนเองก็จะต้องกำหนดให้ปลูกได้น้อยที่สุดและห้ามนำไปขายต่อ  ซึ่งในต่างประเทศกมีในกรณีใช้กับตัวเอง แต่ต้องจดทะเบียนว่าจะใช้กับตัวเองกี่ต้น จะปลูกอย่างไร 

ขณะที่(ร่าง)พรบ.กัญชาที่มีอยู่ 4 ฉบับไม่มีอะไรชัดเจนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ใครอยากปลูกก็ปลูกได้เหมือนเดิม ส่วนจะปลูกเพื่อสันทนาการหรือไม่ก็เป็นสิ่งที่แยกไม่ได้  ทั้งนี้ การจะออกพรบ.กัญชาฉบับใหม่ก็จะต้องเสียเวลาไปอีก และ(ร่าง)4 ฉบับที่มีอยู่ก็ไม่ได้ชัวร์ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านสภา ก็จะช้าไปอีกในการควบคุมการใช้กัญชา  จึงต้องให้บอร์ดป.ป.ส.เห็นชอบให้กัญชากลับเป็นยาเสพติดตามที่มีการเสนอ(ร่าง)ประกาศสธ.แล้ว จะเร็วที่สุดในการมีกฎหมายควบคุม

“เทียบเคียงกระท่อมทั้งที่มีพรบ.กระท่อมออกมาควบคุมการใช้แล้ว ซึ่งก็ไม่ต้องการให้ใช้ในเชิงสันทนาการ แต่ปัจจุบันก็เห็นว่ามีคนนำมาใช้ในเชิงสันทนาการชัดเจน มีการใช้ผสมสิ่งต่างๆมากมาย ผสมสารเสพติด เด็กวัยรุ่นเข้าถึงได้มาก ทั้งที่ในพรบ.ก็กำหนดป้องกันไว้ทั้งหมด”ผศ.นพ.สมิทธิ์กล่าว