จากปฎิกริยาที่หลายฝ่ายแสดงออกมาในทิศทางเดียวกันที่ไม่เห็นด้วยการนำคะแนนสอบ NL (National License Examination) หรือการสอบใบประกอบโรคศิลป์ มาใช้คัดเลือกบรรจุแพทย์ใช้ทุน 425 คนเป็นข้าราชการนั้น ชมรมแพทย์ชนบทได้เสนอ 2 ทางเลือกของการจับสลากแพทย์ใช้ทุนปี 2565 ผ่านทางเพจเฟสบุ๊ก "ชมรมแพทย์ชนบท" ดังต่อไปนี้

***มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจหลายประการคือ

1. มีแพทย์จบใหม่ปีนี้ 3,300 คน ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับจัดสรรมา 2,633 คน (ที่เหลือก็อยู่ตามโรงเรียนแพทย์ กระทรวงกลาโหมเป็นต้น) ใน 2,633 คนนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลโรงพยาบาลต่างๆได้รับจัดสรรตำแหน่งข้าราชการมา 1,841 คน  (ที่เหลือคือตำแหน่งแพทย์ของกรมต่างๆในกระทรวงสาธารณสุข)

2. ตำแหน่งจำนวน 1,841 คน มีการบรรจุดังนี้  กลุ่มแพทย์ในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท 800 คน  กลุ่มแพทย์ ODOD (ใช้ทุน 12 ปี) 200 คน กลุ่มแพทย์พี่เลี้ยง (ปฏิบัติงาน รพศ./รพท.) 216 คน กลุ่มแพทย์เวชศาสต์ครอบครัว (ต้องไปทำงานที่ PCC หรือ รพ.สต.) 200 คน จึงเหลือแพทย์ทั่วไป(กลุ่มจับสลาก) 425 คน

3.  ตำแหน่งที่มี 1,841 คนนี้ มีนักศึกษาแพทย์สมัครมา 1,843 คน ทุกกลุ่มมีคนสมัครไม่เต็มยอด ยกเว้นกลุ่มทั่วไปที่มีเก้าอี้เพียง 425 ตำแหน่ง แต่มีคนสมัครมา 758 คน  มากกว่าจำนวนโควตา 333 คน

4. ระเบียบการบรรจุเข้ารับราชการ เขียนไว้ชัดว่าต้องสอบแข่งขัน ไม่เคยเขียนเรื่องให้จับสลาก ดังนั้นทาง สธ.จึงไปเอาคะแนน NL มาใช้แทนการสอบแข่งขัน  แต่เมื่อเสียงค้านมาก จึงทำท่าจะยอมถอย

***แล้วทางออกจะมีหนทางใดบ้าง

ชมรมแพทย์ชนบทจึงเสนอทางเลือกเฉพาะกิจสำหรับปี 2565 นี้ ที่เป็นไปได้ 2  เส้นทางคือ

1.  บรรจุแพทย์ที่ประสงค์ใช้ทุนกับสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกคน โดยจัดหาตำแหน่งเพิ่มจากโควตาที่มี 1,841 ตำแหน่ง  ตำแหน่งเพิ่มเพียงประมาณ 100 ตำแหน่ง ซึ่งน่าจะสามารถขอจาก กพ.หรือรัฐบาลได้ไม่ยากนัก

2. หากต้องคัดคนเข้าเพื่อการบรรจุ ก็ขอให้นักศึกษาแพทย์ 758 คน หรือกี่คนก็ตามที่สอบผ่าน NL  มีสิทธิจับสลากโดยเท่าเทียมกัน โดยไม่ใช้คะแนน NL มาชี้วัด ส่วนที่ว่าผิดกฎ กพ.ก็ต้องขอยกเว้นกฎไป กฎกติกามนุษย์เขียนก็ย่อมจะแก้ได้

นี่คือ  2  ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในปีนี้แบบด่วนๆ  และในระยะยาวก็ต้องนำประเด็นนี้หารืออย่างกว้างขวางมีส่วนร่วม เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดในระยะยาว

 

 

ภาพประกอบจาก เพจเฟสบุ๊คชมรมแพทย์ชนบท

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org