ผู้บริหาร สธ. พร้อมผู้ตรวจราชการฯ เขตสุขภาพพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด เสริมทัพให้ข้อมูลเตรียมพร้อมรับเปิดประเทศ 1 พ.ย. 2564 เพิ่มความมั่นใจสกัดโควิด19 ฟื้นเศรษฐกิจในประเทศ ย้ำ! พื้นที่เข้มมาตรการ ออกสุ่มตรวจต่อเนื่อง หากพบคลัสเตอร์ใหม่ พร้อมหารือปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์ สิ่งสำคัญขอทุกฝ่ายร่วมมือมาตรการป้องกันโรค
นับถอยหลังเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.2564 พื้นที่นำร่อง 17 จังหวัด... หลายคนอาจยังกังวลว่า การเปิดประเทศครั้งนี้จะเป็นชนวนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 อีกระลอกหรือไม่....
ล่าสุดวันที่ 29 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ยกทีมผู้บริหาร สธ. ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงสถานการณ์และการเตรียมพร้อมรับเปิดประเทศ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน
โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) เผยถึงมาตรการรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 พ.ย.นี้ใน 3 กลุ่ม ดังนี้
1.กลุ่มเข้ารับการกักตัวรูปแบบต่างๆ ซึ่งเดินทางจากประเทศใดก็ได้
2.กลุ่มแซนด์บ็อกซ์นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด (พื้นที่สีฟ้า) ได้แก่ กทม. กระบี่ ชลบุรี เชียงราย ตราด บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระนอง ระยอง เลย สมุทรปราการ สุราษฎร์ธานี หนองคาย และอุดรธานี ซึ่งเปิดเฉพาะพื้นที่ดำเนินการ ไม่ได้เปิดทั้งจังหวัด ผู้เดินทางมาจากประเทศใดก็ได้ รับวัคซีนครบ จองที่พัก SHA Plus 7 วัน มีประกันสุขภาพวงเงิน 5 หมื่นดอลลาร์ ผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ 72 ชั่วโมง ต้องลงทะเบียนหมอชนะ อยู่ในแซนด์บ็อกซ์ 7 วัน ตรวจหาเชื้อเมื่อมาถึงและตรวจอีกครั้งเมื่อครบกำหนดออกจากพื้นที่
3.กลุ่ม Test to Go เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงต่ำ 45 ประเทศ และ 1 เขตบริหารพิเศษ รอผลตรวจหาเชื้อในโรงแรม 1 คืน ปลอดภัยถึงไปท่องเที่ยวได้
นพ.ธเรศ กล่าวเสริมว่า กระทรวงสาธารณสุขมอบหมายเขตสุขภาพและจังหวัดเตรียมความพร้อมเรื่องดูแลสุขภาพ พื้นที่ท่องเที่ยว ภาคประชาชนและผู้ประกอบการ ตั้งแต่ก่อนเปิดประเทศ มีการประเมินความมั่นคงด้านสุขภาพ ซึ่งขณะนี้การติดเชื้อลดลง จำนวนเตียงผู้ป่วยสีเหลือง-สีแดงมีเพียงพอ สามารถขยายเพิ่มได้ และมีฮอสปิเทลรองรับ ความครอบคลุมของวัคซีนระดับจังหวัดมากกว่า 50% พื้นที่นำร่องมากกว่า 70% ส่งเสริมผู้ประกอบการให้ได้มาตรฐาน COVID Free Setting โรงแรมมาตรฐาน SHA Plus โดยประเมินตนเอง หากผ่านจะได้รับใบรับรอง ประชาชนนักท่องเที่ยวสามารถร่วมประเมินได้ และจะมีการสุ่มตรวจโดยคณะกรรมการร่วมของจังหวัดทุก 2-3 สัปดาห์
“ส่วนระหว่างเปิดประเทศมีแอปพลิเคชั่นติดตามตัว มีระบบประเมินติดตามสถานการณ์โดยจังหวัด หากมีการระบาดเพิ่มมากขึ้นจะมีการปรับมาตรการตามลำดับ ทั้งปรับลดกิจกรรม ให้ไปเที่ยวเฉพาะพื้นที่ ให้อยู่เฉพาะโรงแรม หรืออาจยุติรับนักท่องเที่ยว สำหรับกิจกรรมในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ จังหวัดจะออกโปรแกรมและควบคุมเส้นทางระบบปิด อยากให้ประชาชนมั่นใจถึงกระบวนการเตรียมความพร้อมทั้งหมด” อธิบดี สบส. กล่าว
เมื่อถามว่าในวันที่ 1 พ.ย.ที่จะเปิดบ้านเปิดเมืองนั้นมีรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามาหรือไม่ นพ.ธเรศ กล่าว จำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ระหว่างการประเมินของกระทรวงการท่องเที่ยว แต่จากการประเมินคาดว่าน่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 1 แสนราย
ทั้งนี้ สำหรับเขตสุขภาพที่อยู่ในกลุ่มต้องเตรียมพร้อมเปิดประเทศครั้งนี้
- “เขตสุขภาพที่ 6” มีพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 4 จังหวัด คือ 1.สมุทรปราการ ซึ่งมีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 2.ชลบุรี คือ พัทยา บางละมุง ศรีราชา เกาะสีชัง สัตหีบ 3.ระยอง คือ เสม็ด และ 4.ตราด คือ เกาะช้าง
โดย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 6 ให้ข้อมูล ว่า สำหรับเขตสุขภาพที่ 6 มีการเตรียมความพร้อมโดยรับวัคซีนครอบคลุมตามเกณฑ์ที่กำหนด เตรียมพร้อมสถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนรองรับ จะมีการทำ COVID Free Stop ปั๊มน้ำมันในเส้นทางระบบปิดเพื่อให้ปลอดภัยมากขึ้น ส่วนจังหวัดที่เหลือในเขตสุขภาพก็เตรียมพร้อม เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยว Test to Go ซึ่งเดินทางไปจังหวัดใดก็ได้ โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเฝ้าติดตามสถานการณ์
“สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิจะเป็นศูนย์กลางที่มีคนเดินทางเข้ามาในประเทศก่อนจะเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยเตรียมการใช้แอปลิเคชั่น “Thailand pass” จะแบ่งผู้เดินทางการกระจายตามกลุ่มที่เดินทางเข้าประเทศ เพื่อปฏิบัติตามขั้นตอนควบคุมป้องกันโรคของแต่ละกลุ่ม ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการซักซ้อมการรับมือเสมือนจริง และวันนี้ก็มีการซ้อมใหญ่อีกรอบ” นพ.ณรงค์ กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม มีการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ มีการประเมินตลอด หากมีการระบาดเพิ่มขึ้น พร้อมหารือปรับมาตรการให้เหมาะสม
- “เขตสุขภาพที่ 5” มีพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว คือ ชะอำ จ.เพชรบุรี และ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยนางอมรรัตน์ ลิ้มจิตสมบูรณ์ หัวหน้ากลุ่มตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 5 พบผู้ติดเชื้อรายวันทั้ง 2 พื้นที่ลดลง วัคซีนครอบคลุมตามเป้าหมาย โรงพยาบาลชะอำและโรงพยาบาลหัวหินมีทรัพยากรเตียงเพียงพอ เข้มงวดมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา ใช้ระบบฉีดวัคซีนแบบวงแหวน โดยฉีดให้คนในพื้นที่และคนเข้ามาเที่ยวในพื้นที่ ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าว สุ่มตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ เมื่อติดเชื้อจะมีทีมสอบสวนโรคเร็วใน 12 ชั่วโมง และนำผู้ป่วยเข้าระบบการรักษาทันที
- “เขตสุขภาพที่ 8” มีพื้นที่ท่องเที่ยว 3 จังหวัด 11 อำเภอ
โดย นางสิริพรรณ โชติกมาศ ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 8 อธิบายถึงการเตรียมพร้อมว่า สำหรับพื้นที่ 3 จังหวัด 11 อำเภอ คือ 1. จ.เลย อ.เชียงคาน รับผู้เดินทางทางอากาศลงสนามบินเลย และจัดรถรับส่งถึงเชียงคาน ทำกิจกรรมแบบจำกัดเส้นทาง กรณีกักตัวจะแยกพื้นที่บริการ 2.หนองคาย อ.เมือง อ.ท่าบ่อ อ.ศรีเชียงใหม่ และ อ.สังคม รับผู้เดินทางจากลาวผ่านสะพานมิตรภาพไทยลาว นักท่องเที่ยวจะเข้ามา 4 ประเภท คือ การค้าชายแดน One Day Shopping รักษาพยาบาล ทำฟันเสริมความงาม 1 วัน ท่องเที่ยวโปรแกรมระยะสั้น One Day Trip และเที่ยวระยะยาว 3-14 วัน เน้นท่องเที่ยวภายในจังหวัด โดยซื้อแพคเกจทัวร์ มีทั้งนวัตวิถีแพทย์แผนไทย กัญชาทางการแพทย์ โอทอป อาหารทะเล กิจกรรมที่ทัวร์จัดให้ ท่องเที่ยว 3 ธรรม คือ วัฒนธรรม ธรรมชาติ และธรรมะ และกลุ่มสูงอายุพักระยะยาว
3.อุดรธานี อ.เมือง อ.กุมภวาปี อ.บ้านดุง อ.ประจักษ์ศิลปาคม อ.หนองหาน และ อ.นายูง รับผู้เดินทางโดยเครื่องบิน ผ่านระบบท่องเที่ยว และผ่านด่านพรมแดนมิตรภาพไทยลาว ขณะนี้ความครอบคลุมวัคซีน จ.เลย อยู่ที่ 48.28% หนองคาย 46.15% และอุดรธานี 47.82% ได้รณรงค์ฉีดให้ครบตามเป้าหมาย และเตรียมพร้อมเปิดเมืองภายใต้ความปลอดภัยทุกด้านแบบนิวนอร์มัล
-“เขตสุขภาพที่ 9” โดย นางจุฑารัตน์ มากคงแก้ว ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 9 กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 9 มี จ.บุรีรัมย์ ซึ่งผ่านเกณฑ์ประเมินความพร้อมด้วยตนเอง อัตราติดเชื้อ 20-40 รายต่อวัน ฉีดวัคซีนเข็ม 1 ครอบคลุม 59.04% ของประชากร พื้นที่เป้าหมาย อ.เมือง ฉีดวัคซีนครอบคลุม 75% ห้องปฏิบัติการตรวจ RT PCR มีความพร้อมที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ โรงพยาบาลนางรอง และโรงพยาบาลสตึก ตรวจ ATK ผ่าน 23 หน่วยบริการ และเอกชน 4 แห่ง มีศูนย์หมอพร้อมสเตชัน 3 แห่ง ใน อ.เมือง อ.นางรอง และ อ.สตึก เตรียมพร้อมโรงแรมที่พักมาตรฐาน SHA Plus 44 แห่ง แหล่งท่องเที่ยว 5 แห่ง ห้างสรรพสินค้า 5 แห่ง ร้านอาหาร 20 แห่ง สถานประกอบการต่างๆ รวม 99 แห่ง ด้วยมาตรการ COVID Free Setting เน้นสิ่งแวดล้อมสะอาดปลอดภัย ไม่แออัด พนักงานและลูกค้ารับวัคซีน 100% โดยพนักงานตรวจ ATK ทุกวันศุกร์ ส่วนลูกค้าหากไม่ได้รับวัคซีนให้ใช้บริการจุดโซนนิ่ง นำอาหารกลับไปบริโภคที่บ้าน ไม่ให้นั่งในร้าน
-“เขตสุขภาพที่ 11” โดย นางกองมณี สุรวงษ์สิน ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 11 ระบุว่า มีความพร้อมต้นแบบการนำร่องที่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเขตสุขภาพ ซึ่งวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะเปิดพื้นที่นำร่องเพิ่มคือ เกาะพยาม จ.ระนอง ขณะนี้การติดเชื้อลดลงพบ 6-18 รายต่อวัน ไม่มีผู้เสียชีวิต มีการเตรียมความพร้อมทั้งมาตรการดูแลปลอดภัย รณรงค์ให้บริการวัคซีนชุมชนเกาะพยาม ซึ่งฉีดครบ 100% ส่วน จ.ระนองฉีดแล้ว 63% เตรียมพร้อมเตียงผู้ป่วยสีแดง 41 เตียง สีเหลือง 222 เตียง และสีเขียว 3,829 เตียง ยังมีฮอสพิเทลรองรับ 2 แห่ง รวม 302 ห้อง ถือว่าเพียงพอรับนักท่องเที่ยว
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 42 views