หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจฯ ศิริราช เผยสถานการณ์น่าห่วง! ผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม!สะท้อนว่ามีการติดเชื้อในชุมชนจำนวนมาก ทำให้การใช้เตียงในรพ.หลักติดขัด เสนอล็อกดาวน์ กทม.ปริมณฑล อย่างน้อย 7 วัน

 

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดการติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศ กทม.ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีอัตราการติดเชื้อจำนวนมาก เกิดหลัก 1 พันราย อัตราการเสียชีวิตก็สูง ทั้งนี้ สัดส่วนผู้ป่วยเด็ก และผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น สะท้อนว่ามีการติดเชื้อในชุมชนจำนวนมาก ทำให้การใช้เตียงในรพ.หลักติดขัด จำนวนเตียงระดับ 2 และ 3 ที่ขยายศักยภาพมาหลายรอบเหลือไม่ถึง 5% ตัวเลขผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต กลับมาเพิ่มขึ้นใหม่และอาจทำนิวไฮ 

 

ดังนั้น ตนยังยืนยันขอเรียกร้องให้มีการล็อกดาวน์ กทม. และปริมณฑล เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน เพราะมีพื้นที่ติดกัน และมีจำนวนผู้ป่วยจำนวนมากเช่นเดียวกัน ในส่วนที่เพิ่งจะประกาศผ่อนคลายมาตรการลงแล้วนั้นต้องมีกลับมาคุมเข้ม หากทำอย่างน้อย 7 วันแล้วยังไม่ได้ผล หรือไม่ดีขึ้นเท่าที่ควรอาจจะพิจารณาต่ออีก 7 วัน ซึ่งหากเริ่มล็อกดาวน์ตั้งแต่วันนี้ ไม่ดีขึ้น หรือหากไม่เริ่มทำอะไรเราจะเห็นผู้ป่วยในกทม.พุ่งขึ้นเป็นหลักหลายพันรายต่อวัน ตัวเลขที่เราเห็นว่าระบบสาธารณสุขรับดูแลได้แบบสบายๆ ไม่หนักเกินไป คือ ทั่วประเทศประมาณ 1,500 รายต่อวัน แต่ตอนนี้เกินมามากแล้ว 

เมื่อถามว่าการล็อกดาวน์ ต้องเริ่มเร็วแค่ไหน แล้วถ้าทอดระยะเวลาการล็อกดาวน์ออกไป หรือไม่ล็อกดาวน์จะทำให้เกิดภาพการระบาดอย่างไร รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า การล็อกดาวน์ถ้าทำวันนี้จะเห็นผลอย่างน้อยคือ 7 วันข้างหน้า เพราะฉะนั้นถ้าเริ่มวันนี้ นอกจากการสวดมนต์แล้วก็ต้องมีการขยาย หรือเพิ่มมาตรการคุมเข้ม แต่ถ้าไม่ทำวันนี้ก็จะช้าไปเรื่อย นอกจากจะทำให้เห็นอัตราการติดเชื้อมากขึ้น โคมาม่าขึ้น และเสียชีวิตมากขึ้น และที่กลัวคืออย่าลืมว่าปัจจุบันยังมีคนป่วยโรคอื่นๆ อยู่คนป่วยเหล่านี้จะได้รับผลกระทบมากขึ้น หลังจากที่ถูกแย่งทรัพยากรเตียง และบุคคลากรการแพทย์ เลื่อนการรักษาไปก่อนหน้านี้ เพราะฉะนั้นเราจะห็นคนไข้โรคอื่นๆ แย่ลงไปด้วยไม่เฉพาะคนไข้โควิดเท่านั้น 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีประชาชนหลายกลุ่มเรียกร้องให้ภาครัฐหยุดการสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพราะมองว่าประสิทธิภาพอาจจะไม่มากเมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รศ.นพ.นิธิพัฒน์ ว่า จะซื้ออะไรก็ซื้อได้หมด ซิโนแวคก็ยังดี อาจจะยังไม่ดีมาก หากมีของใหม่ที่ดีกว่าถ้าหาได้ก็เอามา ยิ่งเรามีวัคซีนหลายชนิดในมือยิ่งเป็นต้นทุนที่ดี เพราะอนาคตมีโอกาสที่เราจะฉีดวัคซีนไขว้ชนิด ตนไม่เห็นด้วยที่ใครจะมาบอกว่าวัคซีนซิโนแวคไม่มีประโยชน์ มันยังมีประโยชน์ ช่วยลดอัตราการตายของเราในช่วงระหว่างนี้ได้ระดับหนึ่ง และเป็นของที่เราหยิบฉวยได้ง่าย หากมีโอกาสซื้อมาให้หมด มียี่ห้ออะไรกวาดมาให้หมด

 

“การที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐยกเลิกการซื้อวัคซีนซิโนแวคเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีอะไรเราต้องซื้อ ในประเทศต่างๆ ก็ทำแบบเดียวกัน ไม่มีใครคิดแบบคนที่เสนอว่าเอาแต่วัคซีน mRNA ถึงจะดีที่สุดเข้ามา ในโลกแห่งความเป็นจริงทำได้ยาก ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ กว่าจะได้คือหลังเดือน ต.ค. ไปเลย ซึ่งระหว่างนี้ บางคนอาจจะไม่ได้อยู่รอให้ได้ฉีดด้วยซ้ำ อาจจะเสียชีวิตจากโควิด หรือเสียชีวิตจากสาเหตุอื่นไปก่อน เพราะฉะนั้นหากมีอะไรให้ฉีดก็ฉีดไปก่อน อนาคตเมื่อมีวัคซีนมากขึ้นก็ค่อยมาฉีดเข็ม 3 กัน ไม่เป็นปัญหา” รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าว