16 มี.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรีย ประกาศปิดทุกกิจการที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ร้านอาหาร ผับ และร้านค้าอื่นๆ ที่ไม่จำเป็น รวมถึงห้ามไม่ให้ประชากรรวมตัวกันเกิน 5 คน
เวลานั้น ออสเตรีย มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 860 คน และเสียชีวิตเพียง 1 คน ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิตาลี เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ต่างก็มีผู้ติดเชื้อหลายพันคนแล้ว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์รอบด้านเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กราฟของออสเตรียเริ่มชันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ผู้ป่วยรายวันของออสเตรีย เพิ่มขึ้นหลายร้อยคน ไปพีคสุดที่วันที่ 27 มี.ค. ซึ่งยอดผู้ป่วยเพิ่มถึง 1,050 คน ซึ่งถือว่ามากเอาการ สำหรับประเทศที่มีประชากรเพียง 9 ล้านคน
ตัวเลขผู้ป่วยล่าสุด ณ วันที่ 10 เม.ย. ของออสเตรีย อยู่ที่ 13,244 คน เสียชีวิต 295 คน และออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว 5,240 คน โดยตัวเลขล่าสุดจากที่ “กราฟ” เริ่มดิ่งลง ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มวันละ 342 คน ทำให้รัฐบาล กลับมาตัดสินใจ “เปิดกิจการ” ทุกอย่างอีกครั้ง
เซบาสเตียน เคิร์ซ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย
เซบาสเตียน เคิร์ซ นายกรัฐมนตรีออสเตรียวัย 32 ปี ผู้นำประเทศที่หนุ่มที่สุดในโลก แถลงเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่าออสเตรีย จะเดินหน้าระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อ ด้วยการกลับมาเปิดร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ระบบขนส่งมวลชน และสวนสาธารณะ อีกครั้ง
“ตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย. เป็นต้นไป ร้านค้าที่มีขนาดเล็กกว่า 400 ตร.ม. และร้านสินค้าจิปาถะทั้งหมด จะเปิดทำการตามปกติ หลังจากนั้น วันที่ 1 พ.ค. ร้านค้าทุกร้าน ห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง รวมถึงร้านทำผม จะกลับมาเปิดทำการตามปกติ อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่ออกมาในพื้นที่สาธารณะ จะถูกบังคับให้ต้องสวมหน้ากากอนามัยเท่านั้น” นายกฯ ออสเตรียแถลง
ส่วนร้านอาหาร จะได้รับอนุญาตให้เปิดในช่วงกลางเดือน พ.ค. โรงหนัง โรงละคร และที่จัดแสดงโอเปร่านั้น จะยังปิดต่อไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. การจัดงานอีเวนท์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก จะไม่ได้รับอนุญาตให้จัดไปจนถึงเดือน ก.ค. และการเปิดเรียนของภาคการศึกษาใหม่ ยังไม่มีกำหนดชัดเจน ณ วันนี้
“แต่สิ่งที่เรายังต้องเข้มงวดก็คือ ต้องลดการติดต่อ การสัมผัสระหว่างคนต่อคน รวมถึงรักษาระยะห่างในพื้นที่สาธารณะ” เคิร์ช กล่าว
รายงานจาก Financial Times ระบุว่า ออสเตรีย ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่จัดการการระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 ได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นการกำหนด “โทษปรับ” หลายพันยูโร สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ช่วงที่มีการระบาดของไวรัส หรือการตัดสินใจหลายอย่างที่รวดเร็ว ทันสถานการณ์ จนทำให้นายกฯ เคิร์ช และ รมว.สาธารณสุขจากพรรคกรีน อย่างรูดอร์ฟ อันโชเบอร์ ได้รับเสียงชื่นชม จากทั้งในประเทศ และจากต่างประเทศ
ขณะที่ด้านการแพทย์ – การสาธารณสุขของออสเตรียนั้นก็ดีเยี่ยม โดยออสเตรียมีจำนวนเตียงในห้องผู้ป่วยวิกฤตสูงที่สุดในทวีปยุโรป เช่นเดียวกับจำนวนเทสต์ผู้ติดเชื้อ ที่ออสเตรียสามารถเทสต์ได้ถึง 1.15 แสนเทสต์ เทียบกับจำนวนหัวประชากรแล้ว มากเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป จนสามารถจำกัดวงการระบาดได้ในที่สุด
เมตต์ เฟรเดอริคเซ่น นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก
อีกหนึ่งประเทศ ที่มีแผนชัดเจน ได้แก่ เดนมาร์ก เมตต์ เฟรเดอริคเซ่น นายกฯ ประกาศเช่นกันว่าเดนมาร์กเตรียมจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แผนของเดนมาร์กนั้นต่างออกไป โดยจะเริ่มจากการเปิดโรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถมก่อนเป็นอย่างแรก เริ่มต้นตั้งแต่วันพุธที่ 15 เม.ย. เป็นต้นไป หลังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มคงที่
อย่างไรก็ตาม การเรียนการสอนทั้งหมด จะอยู่ในพื้นที่ “กลางแจ้ง” ให้มากที่สุด และหากจะต้องทำการเรียนการสอนในห้องเรียน ก็จะเว้นระยะห่างระหว่างเด็กนักเรียนเช่นกัน แต่หากสัปดาห์นี้ ตัวเลขผู้ป่วยในเดนมาร์ก กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง รัฐบาลก็พร้อมพับแผนการเปิดเรียนทันที
ทั้งนี้ เฟสต่อไปของเดนมาร์ก คือการกลับมาเปิดร้านอาหาร ร้านตัดผม ซึ่งน่าจะกลับมาเปิดใหม่อีกครั้งได้ภายในเดือนนี้ ส่วนโรงเรียนมัธยม ห้องสมุด โบสถ์ และการจัดงานที่มีคนรวมตัวกันเกิน 10 คน น่าจะกลับมาเปิดได้หลังวันที่ 10 พ.ค.
“แม้หลังจากนี้ เดนมาร์ก จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ เราไม่ควรปล่อยให้เดนมาร์ก ต้องปิดประเทศ นานกว่าที่ควรจะเป็น” นายกฯ เดนมาร์กระบุ
สำหรับ เมตต์ ถือเป็นนายกฯ ที่ได้รับความชื่นชมเช่นกัน ว่าสามารถจัดการวิกฤตได้อย่างดี โดยเดนมาร์ก ถือเป็นประเทศแรกในยุโรป ที่ประกาศปิดชายแดนทุกด้าน รวมถึงเป็นประเทศแรกในภูมิภาค ที่ประกาศ “ล็อกดาวน์” ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 มี.ค.
ขณะเดียวกัน ช่วงของการระบาด เดนมาร์ก ก็สามารถกระจายทรัพยากรได้ทั่วถึง แม้ทั้งประเทศจะมีจำนวนประชากร 5.6 ล้านคน แต่ก็สามารถตรวจผู้ติดเชื้อได้ถึง 5.8 หมื่นราย ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ มีอัตราการตรวจเชื้อต่อหัวประชากรที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรปเช่นกัน รวมถึงยังมีอัตราผู้ป่วยวิกฤตต่ำกว่าประเทศข้างเคียงมาก
และก่อนหน้านี้ รัฐบาลเดนมาร์กยังมีนโยบายจ่ายเงินเดือน 75% ให้กับพนักงานบริษัทที่ได้รับผลประทบ โดยให้นายจ้าง จ่ายเงินเดือนอีก 25% ที่เหลือ ทำให้เดนมาร์ก มีอัตราการว่างงานที่ค่อนข้างต่ำ แม้จะมีการล็อกดาวน์นานนับเดือน
สำหรับตัวเลขผู้ป่วยโควิด – 19 ในเดนมาร์ก อยู่ที่ 5,071 คน โดย 2,000 คน หายดีแล้ว คงเหลือผู้ป่วยราว 3,000 คน มีผู้เสียชีวิต 203 คน โดยอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ คงเหลือวันละราว 240 คน เช่นกัน ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมากจากช่วงสูงสุดที่ 1,321 คน เมื่อวันที่ 27 มี.ค. และ 830 คน เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา
โดย สุภชาติ เล็บนาค
อ้างอิงจาก
1.Austria set to be first European country to ease lockdown : www.ft.com
- 24 views