เห็นหลายเพจแชร์เรื่องบทความนี้กันเยอะตั้งแต่หลังวันคริสตมาสเป็นต้นมา

New England Journal of Medicine ตีพิมพ์งานทบทวนวิชาการนี้เมื่อ 26 ธันวาคม 2019 นี้เอง

หากอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ จะได้สาระดังนี้

หนึ่ง คนและสัตว์ที่ไม่อ้วน กินอาหารแคลอรี่น้อย มีแนวโน้มที่มีชีวิตยืนยาวกว่า

สอง การศึกษาในสัตว์ ทั้งหนูและลิง มักชี้ให้เห็นประโยชน์จากการจำกัดอาหาร/อดอาหารเป็นช่วง ๆ ไม่ค่อยเจอปัญหานัก

สาม การวิจัยในคนนั้น ข้อมูลที่มีอยู่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มักศึกษาในคนอ้วน วัยหนุ่มสาวและวัยกลางคน ชี้ให้เห็นประโยชน์ด้านสุขภาพ และมีความปลอดภัย

สี่ มี 2 วิธีที่เค้าแนะนำแพทย์ในการนำไปประยุกต์ใช้สำหรับคนน้ำหนักเกิน อ้วน หรือเป็นโรคเรื้อรังที่คิดว่าน่าจะเกิดประโยชน์ เช่น เบาหวาน เป็นต้น ได้แก่

วิธีแรก: "Time restricted diet" ทำได้หลายแนว ยกตัวอย่างเช่น

เดือนแรก กินอาหารได้ในช่วง 10 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

เดือนที่ 2 กินอาหารได้ในช่วง 8 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

เดือนที่ 3 กินอาหารได้ในช่วง 6 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

และเดือนที่ 4 กินอาหารได้ในช่วง 6 ชั่วโมงทุกวัน

วิธีที่ 2: "5:2 Intermittent fasting"

เดือนแรก กินอาหารได้ไม่เกิน 1000 แคลอรี่ 1 วันต่อสัปดาห์

เดือนที่ 2 กินอาหารได้ไม่เกิน 1000 แคลอรี่ 2 วันต่อสัปดาห์

เดือนที่ 3 กินอาหารได้ไม่เกิน 750 แคลอรี่ 2 วันต่อสัปดาห์

และเดือนที่ 4 กินอาหารได้ไม่เกิน 500 แคลอรี่ 2 วันต่อสัปดาห์

ความท้าทายอยู่ตรงที่วิธีทั้ง 2 นั้นดูจะสวนกระแสสังคมบริโภคนิยม มีอาหารการกินที่ทำร้ายสุขภาพอยู่ดาษดื่น จึงต้องอาศัยความใจแข็งมุ่งมั่นของผู้ปฏิบัติ และความเอาใจใส่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือจากบุคลากรทางการแพทย์

นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความจริงที่ว่า คำแนะนำทั้ง 2 วิธีนั้นมาจากการวิจัยในคนบางช่วงอายุ อาจไม่สามารถหวังผลกับช่วงอายุอื่น ๆ เช่น คนสูงอายุ เป็นต้น และมักวิจัยในระยะสั้นไม่เกิน 12 เดือน โดยยังไม่ทราบจริง ๆ ว่าระยะยาวจะเกิดผลดีผลเสียอะไร

สวัสดีครับ 

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อ้างอิง

de Carbo R et al. Effects of Intermittent Fasting on Health, Aging, and Disease. N Engl J Med 2019;381:2541-51.

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย