"หมอมงคล" เตือน "หมอประดิษฐ" อย่าทำสาธารณสุขแตกแยก ชี้ถอยพีฟอร์พีได้รับยกย่องก่อนสายเกินไป เครือข่ายผู้บริโภคจี้ทบทวน
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2556 นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตปลัดและรมว.สาธารณสุข สุดทนกับสภาพที่ผู้บริหารทั้งการเมืองและข้าราชการประจำไฟเขียวนำม็อบวิชาชีพของโรงพยาบาลใหญ่ในเมืองชนกับการเคลื่อนไหวของแพทย์ชนบท เพื่อปกป้องอำนาจและนโยบายของตน ถึงกับแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ด้วยการเตือนสติผู้บริหารว่า
“ประวัติศาสตร์ได้จารึกความแตกแยกในกระทรวงสาธารณสุขไว้แล้วด้วยความขมขื่น ผู้บริหารทั้งการเมืองและข้าราชการประจำ ยังภูมิใจในการเป็นผู้นำองค์กรที่แตกแยกอยู่หรือ ใครผิดใครถูกยังไม่ต้องพิสูจน์ แต่การรักษาความเป็นเอกภาพทางการบริหารองค์กรเป็นบทบาทหลักของผู้บริหารมิใช่หรือ หากยังฝืนยื้อให้กลุ่มต่างๆ มาชนกันจะยิ่งสร้างความเสียหายให้ใหญ่หลวงยิ่งขึ้น ถอยออกมาอย่างผู้ที่มีสติสูง หาทางพูดคุยกันใหม่ระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย หากปล่อยให้ผู้ที่ไม่เคยสัมผัสการทำงานบริการสาธารณสุขในชนบท มาให้ความเห็นจะทำให้หลงทางกันไปใหญ่” นพ.มงคล กล่าว
อดีต รมว.สาธารณสุขให้ความเห็นต่อนโยบายการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการให้บริการว่า “อยากยกตัวอย่างการแก้ปัญหาวัยรุ่นท้องก่อนวัยอันควร ที่มีสถิติว่าการคลอดอายุต่ำกว่า 20 ปี มีวันละ 370 ราย 10 ราย อายุต่ำกว่า 15 ปี ผู้อำนวยการ รพ.ชุมชนต้องไปทำงานร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม ชุมชน ท้องถิ่น วัด โรงเรียน เพื่อแก้ปัญหาที่ยากสาหัส ใช้เวลา ประสานงานหลายทิศ ถามว่ามีตัวชี้วัดไหม ถ้ามีให้แต้มเท่าไร งานอย่างนี้มีมากในชนบท แม้แต่งานบวช งานศพ งานแต่งงาน ผู้อำนวยการ รพ.ชุมชนจะได้รับเชิญ และต้องไปร่วม เพราะต้องเชื่อมไว้ประสานงานแก้ปัญหาสาธารณะสุขในชุมชน จะทำตัวชี้วัดให้ครอบคลุม และให้แต้มที่เป็นธรรมทำได้ยาก”
นพ.มงคล ย้ำว่า “การถอยอย่างผู้เจริญแล้วในขณะนี้ดูเหมือนจะสายเกินไป แต่เชื่อว่าจะได้รับการยกย่องมากกว่าปล่อยให้ทุกอย่างพังทลายลงไป”
แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า มีการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสในระบบสาธารณสุข ที่เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันการพัฒนาระบบบริการ ส่งต่อแบบเครือข่ายของโรงพยาบาลระดับต่างๆ และบุกเบิกงานสาธารณสุขมูลฐานในยุคสมัย นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุขต่อเนื่องถึงสมัย นพ.อมร นนทสุต อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขของไทยที่เคยเป็นเอกภาพ หลายคนเป็นห่วงอำนาจทางการเมืองเข้าแทรกแซงนโยบายต่างๆ จะทำให้ระบบสาธารณสุขของรัฐอ่อนแอลง จะกระทบต่อความมั่นคงของสังคม
มีรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคไต ผู้ติดเชื้อเอชไอวี และเครือข่ายคนพิการจะเคลื่อนไหว ขอให้ นพ.ประดิษฐ ทบทวนบทบาทของตัวเอง จากนโยบายที่ผิดพลาด
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 18 เมษายน 2556
- 1 view