ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.สธ.ประชุมผู้บริหารครั้งแรกปีงบ 68 เผยความคืบหน้าพ.ร.บ.อสม. อยู่ระหว่างก.คลังพิจารณา ส่วนร่างพ.ร.บ.สุขภาพจิต กำลังจัดทำรายละเอียดตั้งกองทุนให้เสร็จใน 7 ต.ค. เดินหน้าเชื่อมข้อมูลสธ.-กทม. ลุย 30 บ.รักษาทุกที่ 

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 9/2567 ซึ่งเป็นครั้งแรกของปีงบประมาณ 2568 และเป็นการประชุมครั้งแรกของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงเข้าร่วม โดยนายสมศักดิ์ได้กล่าวต้อนรับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และแสดงความยินดีกับคณะผู้บริหารที่ได้รับตำแหน่งใหม่ พร้อมเป็นกำลังใจในการดำเนินงานดูแลสุขภาพประชาชนให้สำเร็จด้วยดี 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมการปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขในเหตุการณ์เพลิงไม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั้งระดับกระทรวงและระดับจังหวัดทันที เพื่อติดตามให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยและญาติทั้งด้านร่างกายและจิตใจอย่างเต็มที่ โดยจัดทีมเยียวยาด้านร่างกายรวม 9 ทีม ประกอบด้วย ทีมเข้าตอบโต้ขณะเกิดเหตุ 5 ทีม ประจำรถ ALS และ รถ EMR และทีมช่วยเพิ่มเติมในการนำส่งและประเมินอาการผู้ป่วย 4 ทีม ส่วนด้านจิตใจ มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานรวม 71 คน ประจำที่เกิดเหตุ/รพ.ตำรวจ 49 คน และที่ จ.อุทัยธานี 22 คน 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน และกระทรวงการคลังพิจารณา เพื่อเสนอความเห็นต่อ ครม. พร้อมเร่งจัดทำกฎหมายลำดับรอง 19 ฉบับ เป็นการยกร่างกฎหมายฉบับใหม่ 13 ฉบับ และแก้ไขปรับปรุงจากกฎหมายฉบับเดิม 6 ฉบับ ขณะที่ร่างพ.ร.บ.สุขภาพจิต อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมการขอจัดตั้งกองทุนสุขภาพจิตแห่งชาติให้แล้วเสร็จ ภายใน 7 ตุลาคม นี้

สำหรับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร ตามกรอบนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว คาดว่าจะดำเนินการได้ภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมทำการทดสอบที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และในกรณีที่มีการใช้ Platform อื่นนอกเหนือจาก Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเชิงเทคนิคและคณะกรรมการเชิงกฎหมาย ภายใต้กรอบคณะกรรมการธรรมาภิบาลข้อมูลและทดสอบความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อให้มีความเหมาะสมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน