ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“คลินิกทันตกรรม” และ “ร้านยาคุณภาพ” จ.เชียงใหม่ ร่วมให้บริการผู้มีสิทธิบัตรทอง ตามนโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” เผยช่วยเพิ่มโอกาศประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งบริการทันตกรรม และรับบริการดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย ตามสิทธิประโยชน์ที่ สปสช. กำหนด  

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ สปสช. เขต 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อติดตามการดำเนินการตาม “นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่” ของหน่วยบริการนวัตกรรม ที่ดำเนินการโดยคลินิกทันตกรรมกู๊ด ฟ. ฟัน และร้านยาริญญ์เภสัช พร้อมร่วมติดตราสัญลักษณ์ใหม่ “30 บาทรักษาทุกที่” 

ทพญ.อัญชลี เวียงคำ คลินิกทันตกรรมกู๊ด ฟ. ฟัน เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางคลินิกฯ ได้เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมภายใต้นโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” นั้น ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ในพื้นที่ อ.เชียงดาว และทำให้คลินิกฯ เริ่มเป็นที่รู้จักในพื้นที่มากขึ้นด้วย เนื่องจากประชาชนสิทธิบัตรทองสามารถมารับการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จนมีการบอกต่อกันในพื้นที่ ทั้งในระดับเพื่อนบ้านหรือชุมชนใกล้เคียง 

 
“มองว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้ารับบริการทันตกรรมของประชาชน ลดความแออัดหรือการรอคอยการรักษาในโรงพยาบาลได้ ซึ่งการเข้ารับบริการทำได้ง่ายใช้เพียงแค่บัตรประชาชนใบเดียวก็เข้ารับบริการได้ โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเข้ารับบริการที่คลินิกฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 10 คนต่อวัน และมีแนวโน้มการเข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น” ทพญ.อัญชลี ระบุ

ขณะที่ ภกญ.ชญานิศ นิธิโกเมศ ร้านยาริญญ์เภสัช กล่าวว่า ทางร้านยาเพิ่งได้เข้าร่วม และเริ่มให้บริการภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ในเดือนนี้เป็นเดือนแรก แต่ก็เห็นได้ว่ามีประชาชนมาใช้บริการมากขึ้น ตอบโจทย์กับเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมด้วย เพราะช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนที่มารับบริการในร้านยาส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทอง และมักอยู่ในชุมชนห่างไกลจากตัวเมือง รวมถึงโรงพยาบาล โดยเมื่อประชาชนกลุ่มนี้มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยโดยมากจึงเรื่องมารับบริการที่ร้านยาแทน 
 
นอกจากนี้ อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้มีประชาชนมารับบริการที่ร้านยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเป็นเพราะทางร้านยามีประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นด้วย ผ่านวิธีการถามประชาชนที่มาซื้อยาว่าใช้สิทธิบัตรทองไหม และหากเข้าข่ายกลุ่มอาการตามหลักเกณฑ์บริการร้านยาคุณภาพในระบบบัตรทอง  ผู้ป่วยก็สามารถรับยาและให้คำแนะนำด้วยโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ขณะที่การเบิกจ่ายกับทาง สปสช. ขณะนี้ยังมีปัญหาอะไร เพราะหลังจากส่งเบิกกับทาง สปสช. ก็ได้เงินภายใน 72 ชั่วโมง ถือว่าเร็วพอสมควร

“อยากให้ร้านยาที่ผ่านมาตรฐานคุณภาพ มาร่วมดูแลคนในชุมชน เชื่อว่าหากเป็นเภสัชกรอยู่แล้วการเข้าร่วมไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเป็นสิ่งที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว อยากให้เข้ามาร่วมเป็นร้านยาในนโยบายกันเยอะๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเบิกจ่าย หรือขั้นตอนเนื่องจากจะมีทีมที่คอยดูแลในส่วนนี้อยู่ และหากสงสัยเพิ่มเติมสามารถโทรสอบถามสายด่วน สปสช. 1330 ได้เลย” ภกญ.ชญานิศ กล่าว

ด้าน ทพ.อรรถพร กล่าวว่า เป้าหมายของนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ คือต้องการให้มีหน่วยบริการนวัตกรรมต่างๆ กระจายตัวอยู่ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลอย่างครอบคลุม เพื่อเพิ่มความสะดวก และการเข้าถึงบริการให้กับประชาชนได้มากขึ้น รวมถึงลดความแออัดให้กับโรงพยาบาลรัฐ ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่เยี่ยมหน่วยบริการนวัตกรรม และพูดคุยกับประชาชนในหลากหลายพื้นที่ ในทุกครั้งจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนกลับมาก โดยเป็นความเห็นที่ได้จากการเข้าการรักษาอาการเจ็บป่วยของตนเอง เช่น ปวดฟัน อยากถอนหรืออยากอุดฟันก็สามารถพบทันตแพทย์ที่คลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วมบริการได้ หากพบข้อบ่งชี้และเป็นไปตามสิทธิประโยชน์รับบริการตามที่ สปสช. และทันตแพทยสภากำหนด ก็สามารถรับบริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  
 
อย่างไรก็ดี อยากเรียนพี่น้องประชาชนว่าในการมารับบริการที่หน่วยบริการนวัตกรรมที่มีป้ายสัญลักษณ์ 30 รักษาทุกที่ ไม่เสียสตางค์ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ หากพบว่าแพทย์เรียกเก็บเงินจากการบริการ สามารถโทรแจ้งสายด่วน 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง