ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“สมศักดิ์” สานพลังสภาไม่เอา “บุหรี่ไฟฟ้า” พร้อมมอบป้ายรพ.ปลอดบุหรี่ดีเด่น 7 แห่ง วอนรัฐสภา กมธ.สาธารณสุข ร่วมต้าน ยันรัฐบาลไม่หนุนกลุ่มพยายามผลักดันแก้กฎหมายนำเข้า ด้าน “หมอประกิต” แนะ รมว.ดีอีเอส แอคชั่นจัดการ “บุหรี่ไฟฟ้า” ระบาดออนไลน์ พอใจจุดยืนรัฐบาล  

 

สานพลังสภาไม่เอา “บุหรี่ไฟฟ้า” 

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม  นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 22 เรื่อง “สานพลังปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า: รอดด้วยรัฐสภา” โดยมี ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ ผู้บริหารหน่วยงานภาคีเครือข่าย และผู้แทนนักเรียน เข้าร่วม ที่โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี พร้อมทั้งยังมอบป้าย 7 สถานพยาบาลปลอดบุหรี่ดีเด่น  คือ 1.ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จ.นครนายก 2.รพ.พญาไท 3.รพ.สุรินทร์ 4.รพ.น่าน 5.รพ.ห้วยยอด จ.ตรัง 6.รพ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และ7.รพ.มายอ จ.ปัตตานี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้านำมาซึ่งปัญหาสุขภาพ เช่น การก่อโรคมะเร็ง และโรคระบบทางเดินหายใจของผู้สูบและคนใกล้ชิด ทำให้เกิดการเจ็บป่วย เสียชีวิตก่อนวัยอันควร มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง โดยเฉพาะเยาวชนซึ่งมีอัตราการสูบสูงกว่าวัยอื่น และมีแนวฌน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์เด็กเกิดน้อย สังคมสูงวัย ดังนั้นรัฐบาล รัฐบาลจึงมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง โดยมีมาตรการปราบปราม จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า และผู้ใกล้ชิดสร้างการตระหนักรู้ถึงข้อกฎหมายและโทษของการกระทำ เพื่อปกป้องการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเวทีในวันนี้จะทำให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้หาแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศ ทุกภาคส่วนคือส่วนสำคัญที่จะต้องสานพลังร่วมกัน

วอนรัฐสภา กมธ.สาธารณสุข ร่วมต้าน “บุหรี่ไฟฟ้า”

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้า หรือไม่นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอยู่ที่รัฐสภา หากรัฐสภายอมให้มีการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาก็จะเป็นหนทางแห่งอับเฉา ถ้าหากห้ามนำเข้าก็จะเป็นทางรอดตามธีมงานประชุมวันนี้ ดังนั้นประชาชนต้องทราบว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายมาก วันนี้ กระทรวงสาธารรสุข กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ศจย. กรมควบคุมโรคมีการรณรงค์อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ามาในประเทศ จึงอยากวิงวอนไปยังรัฐสภา กรรมาธิการการสาธารณสุข ที่มีนพ.ทศพร เสรีรักษ์ เป็นประธานก็จะมาร่วมกันรณรงค์วันนี้เพื่อเด็กไทย และคนไทย

ไม่หนุนกลุ่มพยายามผลักดันแก้กฎหมายนำเข้า “บุหรี่ไฟฟ้า”

เมื่ถามว่า มีการศึกษาให้แก้กฎหมาย ได้รับรายงานอย่างไรบ้าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่ให้นำเข้าอยู่แล้ว อย่าไปคิดว่าเขาจะนำเข้า เราต้องช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันพูดคุย ล็อบบี้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่สนับสนุนอยู่แล้ว แต่ก็มีกลุ่มคนพยายามผลักดันให้มีการแก้กฎหมายให้สามารถนำเข้ามาได้ก็ตาม ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็มีจุดยืนไม่สนับสนุนเช่นกัน

เมื่อถามว่า ปัจจุบันมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายแยกส่วนกัน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้แต่ละหน่วยงานอาจไม่เข้าใจในหน่วยงานอื่นๆ ดังนั้นจึงต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ซึ่งตนเชื่อว่าทำได้ เพราะถ้าภาครัฐร่วมมือกันรณรงค์อย่างนี้แล้ว ยังมีการดึงดันก็คงไม่มีประโยชน์

แนะ รมว.ดีอีเอส แอคชั่นจัดการ “บุหรี่ไฟฟ้า” ระบาดออนไลน์

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า กฎหมายที่มีอยู่ยังใช้ได้อยู่ โดยเฉพาะการปราบปรามผู้ลักลอบขายทั้งที่วางขายและขายออนไลน์  ส่วนคนสูบครอบครองก็ผิดกฎหมายแต่ว่าไม่ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน พละกำลังที่มีต้องจัดการกับพวกลักลอบขายที่ผิดกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว โดยเฉพาะศุลกากรการนำเข้าจากชายแดนต้องจัดการให้ได้ รวมถึงทางออนไลน์และที่วางขายยิ่งทำได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งลดการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนทางสาธารณสุขก็พยายามให้ความรู้การรู้มากขึ้นทั้งผู้ปกครองและครูด้วยก็จะทำให้เด็กและเยาวชนเข้าไปสูบน้อยลง ที่ผ่านมาเรายังคงเห็นเด็กและเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้นเนื่องจากกฎหมายไม่ได้บังคับใช้อย่างจริงจัง นายกรัฐมนตรีพูดทีก็ทำที โดยเฉพาะออนไลน์เรายังไม่จัดการ ต้องไปถามรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)รัฐบาลก่อนไม่เอาเลย บอกจัดการไม่ไหวจัดการไม่ได้

เมื่อถามว่า รมว.ดีอีเอสรัฐบาลนี้เป็นอย่างไร ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า  หากรัฐมนตรีมีนโยบายชัดเจน จะยิ่งทำให้จัดการปัญหาเว็บไซต์ พวกลักลอบขายออนไลน์ได้ดีขึ้น ซึ่งจริงๆ ขณะนี้ก็มีการปิดเว็บลักลอบขายไปเกินพัน แต่ก่อนไม่ได้ทำ แต่หากเจ้ากระทรวงสนับสนุนมากกว่านี้จะยิ่งได้ผลมากกว่านี้ เพราะกว่า 70% มาจากออนไลน์ จึงอยากให้รมว.ดีอีเอสแอคชั่นมากกว่านี้ รวมถึงศุลากรด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการเมื่อวันที่ 11 เม.ย.จึงมาทำกันมากขึ้นทั้งที่ต้องทำมาหลายปีแล้ว

แนะออกระเบียบห้ามบุคคลเกี่ยวข้องยาสูบร่วมเป็นกมธ. 

เมื่อถามถึงความพยายามของภาคธุรกิจเอกชนที่จะให้จำหน่ายเสรี ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า มีความพยายามแทรกแซงเข้าไปถึงสภาฯในกรรมาธิการวิสามัญมี 2 คนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบุหรี่ควรจะเกิดขึ้นและยังอยู่ในนั้น ซึ่งจริงๆประเทศอื่นไม่มีการดำเนินการเช่นนี้ ไม่ควรที่จะให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจไปร่วมในกมธ. ซึ่งฝ่ายสุขภาพก็ร้องเรียนขึ้นไป ทั้งนี้ อนุสัญญาควบคุมยาสูบก็กำหนดห้ามไว้ แต่เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้ออกระเบียบปฎิบัติรองรับ สภาฯ จึงกันคนเหล่านี้ไม่ได้ จริงๆ ต้องออกระเบียบภายในกำหนดห้ามบุคคลที่เกี่ยวข้องกัยธุรกิจยาสูบร่วมเป็น กมธ.ทั้งที่เป็นข้อกำหนดของกฎหมายบุหรี่โลกแต่ของเรายังไม่มี

พอใจจุดยืนรัฐบาล นายกฯ ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า

เมื่อถามว่าพอใจกับจุดยืนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าของรัฐบาลนี้แค่ไหน ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า จุดยืนขณะนี้ถือว่าโอเค เพราะนายกรัฐมนตรีได้ประกาศหลายครั้ง  สำนักนายกรัฐมนตรี สคบ.ก็ขับเคลื่อน แต่ปัญหาอยู่ที่ขาลงในการนำสู่การปฏิบัติซึ่งต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ทั้งศุลกากร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองระดับจังหวัด ซึ่งรมว.มหาดไทยก็พูดเรื่องนี้ แต่ต้องต่อเนื่อง ไม่ใช่จัดการเป็นครั้งๆ