เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ชุมนุมใหญ่สู้ครั้งสุดท้าย ปักหลักค้างคืนหน้าทำเนียบฯ ค้านส่งกัญชากลับเป็นยาเสพติด ด้านรองปลัดสำนักนายกฯ รับหนังสือ คาดพรุ่งนี้เช้าจะรู้คำตอบ

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 กรกฎาคม ที่หน้าสำนักงานสหประชาชาติ (United Nations: UN) เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำโดยนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นำเครือข่ายฯ เคลื่อนขบวนสู่ทำเนียบรัฐบาล ปักหลักบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี ให้ควบคุมกัญชาโดยกฎหมายพระราชบัญญัติกัญชา (พ.ร.บ.กัญชา) พร้อมประกาศค้างคืนจนกว่าจะได้คำตอบ

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า เนื้อหาสำหรับการยื่นหนังสือ ขอให้ควบคุมตามกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชา เพราะสามารถทำการควบคุมในเชิงระบบได้ ตั้งแต่การผลิต แปรรูป ส่งออก สามารถออกมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากในกฎหมายยาเสพติดไม่มีสักมาตราเดียวที่จะคุ้มครองผู้บริโภคหรือคุ้มครองเยาวชน เพราะฉะนั้นขอให้ตั้งกรรมการร่วมระหว่างฝ่ายตนเองกับฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งกัน กรรมการร่วมเพื่อจะกำหนดกระบวนการศึกษาวิจัยในประเด็นที่สำคัญ 4 ประเด็น 

เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย มีข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมกัน เพื่อศึกษาวิจัย 4 มิติเกี่ยวกับกัญชา

1.กัญชามีผลร้ายในมิติสุขภาพมากกว่าบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ สิ่งไหนอันตรายต่อสุขภาพมากกว่ากัน 

2.กัญชาก่อผลร้ายในมิติทางสังคมอย่างไร ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เปิดให้ประชาชนเข้าถึงกัญชา ร้ายแรงกว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หรือไม่ อยากให้มีงานวิจัย

3.คุณสมบัติในการรักษาโรคด้วยกัญชา ให้พิสูจน์ว่ากัญชาสามารถดูแลสุขภาพ รักษาโรคได้ ดีกว่าบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หรือไม่ 

4.กัญชาก่อให้เกิดโรคทางจิตเวช และทำลายสมองเยาวชนตามที่รัฐกล่าวอ้างจริงหรือไม่ ขอให้มีการพิสูจน์ว่า กัญชาทำให้สมองเสื่อม ทำให้สมองเยาวชนมีปัญหา และก่อให้เกิดปัญหาด้านจิตเวชตามที่กล่าวอ้าง จริงหรือไม่  

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า เมื่อศึกษาวิจัยจนตกผลึกร่วมกันให้นำผลการศึกษามาจัดสถานะกัญชาว่า ควรควบคุมโดยกฎหมายแบบใด หากการศึกษาทั้ง 4 มิติ ปรากฎว่ากัญชาไม่ได้ร้ายแรงกว่าบุหรี่ และแอลกอฮอล์ รวมถึงไม่ได่เป็นสาเหตุของโรคจิตเวช หรือทำลายสมองเด็ก ก็ให้ควบคุมโดยใช้ พรบ.กัญชา แต่ถ้าหากพบว่าร้ายแรงกว่า ก็ให้นำไปควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติดตามเดิม ยืนยันว่า มวลชนจะปักหลักชุมนุมไม่ไปไหน จนกว่าจะได้คำตอบจากรัฐบาล 

สิ่งที่เสนอเป็นมาตรการสากล เมื่อเกิดความขัดแย้งต้องตั้งกรรมการร่วม แต่ไม่ได้มาถกเถียงกัน ไม่ได้เอาความคิดเดิมของตนเองมาสาดใส่กัน แต่กรรมการร่วมจะต้องมีกระบวนการศึกษาวิจัย ทั้งหมดต้องเคารพกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ผู้ใดก็ตามที่ไม่รับข้อเสนอหลักการนี้ หมายถึงมีเจตนาอื่น ต้องการนำกัญชากลับไปผูกขาดโดยคนกลุ่มเดียว เพราะกัญชามีมูลค่านับแสนล้าน ประเด็นสำคัญ คือ ไม่มีข้อเท็จจริงใหม่ใดที่ระบุว่า กัญชาร้ายไปกว่าเดิม เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงใหม่ในการแปรเปลี่ยนสภาพกฎหมาย ก็หมายความว่า รัฐบาลมีเป้าหมายอื่น เชื่อว่าเหตุผลสำคัญของการเปลี่ยนกัญชาสู่ยาเสพติดครั้งนี้ก็เพื่อควบคุมกัญชา เพราะมีอย่างน้อย 3 มาตรา ที่ทำให้กัญชาผูกขาดได้เฉพาะคนกลุ่มเดียว ประชาชนไม่สามารถใช้กัญชาได้อีกต่อไป 

"ประเด็นเรื่องพรรคภูมิใจไทย เท่าที่ติดตามสถานการณ์ พบว่า ยืนยันในหลักการเดิม ต้องการให้ควบคุมโดย พรบ.กัญชา แต่ประชาชนก็ยังไม่เห็นปฏิบัติการ ที่ยืนยันแนวคิดหรืออุดมการณ์นั้น ที่จะผลักดันไปสู่การควบคุมโดยกฎหมาย จุดยืนพรรคภูมิใจไทยที่ติดตามมา ก็ยังเหมือนเดิม แต่ปฏิบัติการที่จะทำเพื่อให้บรรลุจุดยืน ขณะนี้ยังไม่เห็นมี"

นายประสิทธิ์ชัย เพิ่มเติมว่า เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบต่อการชักเข้าชักออก กลุ่มแรก กลุ่มนักการเมือง พรรคเพื่อไทยในรัฐบาลที่แล้วเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่เรื่องกัญชาได้รับการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อรัฐบาลชุดที่แล้ว และสภาฯ มีมติให้ปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด นั่นหมายถึง พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย เห็นตรงกันว่า ต้องเอากัญชาออกจากยาเสพติด 

"หากพรรคเพื่อไทยจะอ้างว่า คราวที่แล้วเป็นฝ่ายค้าน ไม่ได้รับผิดชอบในฐานะรัฐบาล ต้องบอกว่า พูดให้ครบ พวกคุณยกมือในสภาฯผ่านมติที่ว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ต้องยอมรับความจริง"

กลุ่มที่ 2 ที่ต้องรับผิดชอบ ได้แก่ ข้าราชการและคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด ที่มีมติเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา นำกัญชากลับเป็นยาเสพติด เพราะเป็นชุดเดียวกัน คนเดียวกัน กับที่ปลดกัญชาออกจากยาเสพติดเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 วันนี้เอากลับไปใหม่ โดยไม่มีข้อเท็จจริงรองรับว่า กัญชาร้ายกว่าเดิม ไม่ได้ใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดนโยบายสาธารณะ 2 กลุ่มนี้จึงต้องรับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 14.00 น. นายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกมารับหนังสือ พร้อมกับรับปากว่าจะเร่งดำเนินการให้ และขอให้ทางเครือข่ายฯ ชุมนุมกันด้วยความสงบเรียบร้อย คาดว่าพรุ่งนี้ (9 กรกฎาคม) จะมีคำตอบทั้งหมด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

สมศักดิ์ เตรียมสรุปทุกประเด็น “กัญชา” กลับเป็นยาเสพติด  9 ก.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล