ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"รมว.สมศักดิ์" ชงบอร์ด สปสช. เพิ่มงบการแพทย์แผนไทย 31.90 บาท/คน หนุนผู้ป่วยบัตรทองเข้าถึงบริการการแพทย์แผนไทยและยาสมุนไพรไทย พร้อมหนุนการพัฒนาด้านการแพทย์แผนไทยของประเทศ ด้าน "นพ.จเด็จ" เตรียมเสนอแปรญัตติของบเพิ่ม

เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2567 ที่ผ่านมา ได้แจ้งต่อกรรมการในที่ประชุม โดยในงานมหากรรมสมุนไพรไทยและการประชุมวิชาการประจำปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 21 “นวดไทย สปาไทย สมุนไพรไทยสู่เวทีโลก” ซึ่ง ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน ทรงให้ความสำคัญและสนพระทัยในตำรับยาหลายอย่าง และทรงมีพระราชดำรัสและให้คำแนะนำในการใช้สมุนไพรเพื่อสร้างตลาดสมุนไพรทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยน้อมรับใส่เกล้ามาและเห็นควรเพิ่มเติมการใช้ในส่วนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท เพื่อให้เกิดการยอมรับและใช้อย่างแพร่หลาย 

ทั้งนี้ ได้ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการต่อ เพราะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งกรรมการ สปสช. ในที่ประชุมต่างเห็นด้วย ดังนั้น ในวาระพิจารณา (ร่าง) หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2568 ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ปรับเพิ่มเติมงบประมาณในส่วนของงบบริการการแพทย์แผนไทย จาก 20.37 บาทต่อประชากร เป็นจำนวน 31.90 บาทต่อประชากร หรือปรับเพิ่มจากเดิม 11.53 บาทต่อประชากร เพื่อสนับสนุนนโยบายการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการใช้ยาสมุนไพรไทย
 
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้การพิจารณางบประมาณกองทุนฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาโดยสภาผู้แทนราษฎร์ ในช่วงวาระ 2 และ 3 จากข้อเสนอการสนับสนุนการใช้สมุนไพรไทยและการแพทย์แผนไทยนี้ สปสช. จะเสนอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณในส่วนที่บอร์ด สปสช. เห็นชอบให้เพิ่มเติมต่อไป 
 
นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ต้องขอบคุณท่านประธานบอร์ด สปสช. ที่หยิบเรื่องสมุนไพรไทยและแพทย์แผนไทยมาขับเคลื่อน ซึ่งขณะนี้ในบัญชียาหลักแห่งชาติมียาสมุนไพรไทยบรรจุอยู่เกือบ 100 รายการ แต่งบประมาณเพื่อใช้ในการเบิกจ่ายให้ผู้ป่วยบัตรทองมีน้อยมาก ดังนั้นจึงเห็นควรให้มีการเพิ่มเติมงบประมาณเพื่อให้เกิดการใช้สมุนไพรไทยอย่างจริงจัง และยังถือเป็นการสร้างความมั่นคงด้านยาให้กับประเทศ
 
พล.อ.นพ.เอกจิต ช่างหล่อ ผู้ทรคุณวุฒิด้านการแพทย์ทางเลือก กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า เห็นด้วยในการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะขณะนี้เรามีรายการยาสมุนไพรไทยในระบบเยอะมาก ดังนั้นต้องส่งเสริมให้เกิดการใช้ และควรมีช่องทางด่วนในการเข้ารับบริการแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาล แยกออกมาจากบริการผู้ป่วยนอกโรคทั่วไป ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ยาที่ปลอดภัย 

ขณะที่ ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์แผนไทย กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากกำหนดให้เป็นการเบิกจ่ายการแพทย์แผนไทยเป็นรายการเบิกจ่ายที่กำหนด (Fee schedule) ก็จะสามารถขยายบริการไปที่คลินิกเวชกรรมเพื่อเพิ่มการเข้าถึงได้