รองผู้ว่าฯกทม.ชี้แก้ปัญหายาเสพติด ต้องยอมรับความจริง ทิ้งความกลัว เผย กทม. พื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เหตุมีผู้คนที่หลากหลาย หนุนการป้องกัน ปราบปราม เน้นแก้ปัญหาด้านจิตเวชจากยาเสพติด ด้านประธานชุมชนวัดสวัสดิ์ เผยจุดเปลี่ยนพื้นที่สีแดงเป็นสีขาว เสนอภาครัฐผลักดันผู้พ้นโทษให้มีโอกาสในการทำงาน

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกุรงเทพมหานคร กล่าวในเวที “สานพลังชุมชนล้อมรักษ์” พื้นที่เป็นฐานประชาชนเป็นศูนย์กลาง ร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กรุงเทพมหานคร ว่า ทางออกของปัญหายาเสพติด เราคงต้องเริ่มต้นด้วยการยอมรับความจริง และทิ้งความกลัว พร้อมร่วมมือกันหาทางแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเอาจริงเอาจัง เพื่อลดความสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า นั่นก็คือ ลูกหลานของเรา

ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนเชื่อมโยงกับปัญหาทางสังคมอื่น ชุมชนในกรุงเทพมหานคร ถือได้ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติด เหตุเพราะมีผู้คนที่หลากหลาย รวมถึงเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ การค้า ที่มีสถานประกอบการหลายรูปแบบ อีกทั้งมีชุมชนที่หลากบริบทมีทั้งชุมชนแออัด ชุมชนอาคารสูง ชุมชนหมู่บ้านจัดสรร เคหะชุมชน ชุมชนชานเมือง พี่น้องประชาชนก็ต่างมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน และอาจมีหลายชีวิตที่หลงทางหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วยเหตุผลความจำเป็นที่ยากจะเข้าใจ กรุงเทพมหานครเห็นด้วยและพร้อมสนับสนุนนโยบายการดำเนินงานด้านการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านจิตเวชจากยาเสพติด เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วยให้เข้ารับการบำบัดรักษาป้องกันในกลุ่มต่าง ๆ ทุกระดับโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน หรือ CBTx (Community Based Treatment and Rehabilitation)

“ผมอยากชวนให้ปรับมุมมองว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย หรือคนที่เคยหลงผิดเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด คือ คนในชุมชน เป็นลูกหลาน เป็นพี่น้อง เป็นเครือญาติ ที่ต้องให้โอกาส ในฐานะที่ทุกคนเป็นแกนนำชุมชน จะใช้วิธีการป้องปรามหรือจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ไม่ให้บัวช้ำน้ำขุ่น เพราะชุมชนคือบ้านหลังใหญ่ของทุกคน" นายศานนท์ กล่าว

กรุงเทพมหานคร มีต้นทุนประสบการณ์ต้นแบบชุมชนเข้มแข็งจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาครบคลุม 4 มิติ 

มิติที่ 1 การปราบปราม เฝ้าระวัง เช่น การติดกล้อง CCTV ในชุมชน จัดตั้งทีมพิทักษ์จิตเวช (หมอ อาสา) สายตรวจประจำจุดตรวจ และทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงเพื่อจัดการปัญหาอย่างตรงจุด 

มิติที่ 2 เสริมความเข็มแข็งให้ชุมชน โดยดึงอาสาสมัคร กองทุนแม่ของแผ่นดิน อสม. ร่วมสร้างการมีส่วนร่วม 

มิติที่ 3 การส่งต่อผู้เสพหรือผู้ป่วยเข้ารับการบำบัด CBTx สาธารณสุขในพื้นที่ สถาน ฟื้นฟูต่าง ๆ คอยดูแลผู้ป่วยจิตเวชอาการรุนแรงระหว่างรอเพื่อนำส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาลต่อไป ใช้อาสาสมัครคนในชุมชนช่วยกันดูแล 

มิติที่ 4 การประเมินผลการทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง 

ประธานชุมชนวัดสวัสดิ์ เผยจุดเปลี่ยนพื้นที่สีแดงเป็นสีขาว 

ด้านนางนัยนา ยลจอหอ ประธานชุมชนวัดสวัสดิ์ วารีศรีมาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ย้อนกลับไปตั้งแต่ที่ได้รับตำแหน่งคณะกรรมของชุมชนปี 2549 เขตดุสิต ยอมรับว่าหนักใจพอสมควรที่จะแก้ไขปัญหา เพราะพื้นที่ชุมชนของตนเป็นพื้นที่สีแดง มีทั้งผู้ค้า ผู้เสพ และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ มีหน่วยงานภาครัฐ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว และได้รับกองทุนแม่ของแผ่นดิน คอยเป็นแรงหนุนเสริมและสนับสนุน แรก ๆ ใช้กระบวนการปราบปราม จับผู้ค้าและผู้เสพ แต่คนในชุมชนต้องอยู่อย่างหวาดระแวงเพราะมักจะมีเหตุอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอีก ต่อมาจึงวางมาตรการโดยเก็บข้อมูลคัดกรอง ‘เปลี่ยนผู้เสพเป็นมิตร’ โดยเพื่อนช่วยเพื่อน ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน มีสหวิชาชีพ นักสังคมสงเคราะห์และสำนักงานเขต ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและหาอาชีพให้กับผู้ที่เข้ารับการบำบัด การได้รับการสนับสนุนให้มีอาชีพ มีรายได้ คนในสังคมให้โอกาสพวกเขา คือ จุดสำคัญของการเปลี่ยนพื้นที่สีแดงเป็นพื้นที่สีขาวในชุมชน 

“อยากช่วยเขา อยากเยียวยาให้หลุดพ้น ไม่วาจะเหล้าหรือยาเสพติด รู้สึกว่าจากเมื่อก่อน ไม่ชอบคนเสพยา แต่พอปรับความคิดว่า ต้องช่วยได้ ทำให้ไม่โดนตีตราจากชุมชน แลกเปลี่ยนกันหลาย ๆ เรื่อง เชื่อไหมว่า เปลี่ยนพื้นที่สีแดงกลายเป็นพื้นที่สีขาว หลุดพ้นมาได้ เพราะคนในชุมชนให้ความร่วมมือ มูลนิธิต่าง ๆ หน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุน ก็เหมือนพ่อบ้านแม่บ้านที่ต้องดูแลลูกบ้านกว่า 600 คน 123 หลังคาเรือน ทุ่มเทกับงานพวกนี้มาก และขอเสนอภาครัฐช่วยผลักดันให้ผู้พ้นโทษออกมาแล้วแต่มีประวัติมีโอกาสในการทำงาน ถ้าเขาไม่มีงานก็ไม่มีเงินในที่สุดอาจกลับเข้าสู่วงจรยาเสพติดอีก” นางนัยนา กล่าว

ขณะที่ น้องก็อต เยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก เล่าว่า ตนเกิดในครอบครัวที่อบอุ่น แต่พ่อติดการพนันหนัก ชีวิตครอบครัวมาถึงจุดเปลี่ยน ต้องแยกกันอยู่ และไปขออาศัยอยู่กับน้าใน กทม. ซึ่งน้าต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน จึงไม่มีเวลาดูแล จึงได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ที่เดียวที่ตอบโจทย์ได้ในวัยเด็ก คือ “ร้านเกม” ไม่ได้ติดเกม แต่ติดเพื่อน ติดสังคมในร้านเกม ที่นั่นก็เต็มไปด้วยอบายมุขทุกอย่าง ทั้งพนันออนไลน์ เหล้า ยาเสพติด จนกลายเป็นว่าตนเองตกอยู่ในวงจรสีเทาไปโดยปริยาย ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้รุ่นพี่ เพื่อน ยอมรับ แล้วก็มาถึงวันที่พลาด เพราะรุ่นพี่ที่นับถือกันชักชวนให้ขนยาเสพติดล็อตใหญ่ เพื่อตอบแทนบุญคุณ 

“อย่างที่ทุกคนรู้ จุดจบของยาเสพติด ไม่ตาย ก็ติดคุก ผมติดคุก ด้วยสังคมที่เต็มไปด้วยระบบอำนาจนิยม ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด จนมาถึงศูนย์ฝึกฯ บ้านกาญจนาภิเษก แต่ที่นี่ได้กู้คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผมกลับมา ได้ทำกิจกรรมวิเคราะห์ข่าว วิเคราะห์หนัง มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในทุก ๆ เรื่อง สิทธิเนื้อตัวร่างกายถูกเคารพอย่างมาก คุณค่าของผมค่อย ๆ กลับคืนมา แล้วก็ค้นพบว่าผมชอบดนตรี ร้องและแต่งเพลง ผมแต่งเพลง “คำสัญญา” เพื่อขอโทษแม่และทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง และผมจะตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเองจริง ๆ อยากบอกไปถึงเพื่อน ๆ พี่ น้อง ที่ยังวนเวียนอยู่กับยาเสพติด ให้พาตัวเองออกมาหรือเข้าสู่การบำบัดจะดีกว่า อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไป เพราะคนที่เจ็บปวดกับสิ่งที่ทำ สิ่งที่เป็น ก็คือตัวเรา” น้องก็อต กล่าว 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

- สมศักดิ์ เดินหน้า ‘กองทุนสุขภาพจิตและยาเสพติด’ ใช้เงินยึดทรัพย์หนุนบำบัดรักษา