ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รมว.แรงงาน แจงงบประมาณ68 ประชุมสภา กรณีข้อกังวลเงินประกันสังคม ชวนทุกพรรคการเมือง ส่งผู้เชี่ยวชาญการเงินระดมหาทางรอด “กองทุนประกันสังคม” ก่อนล้มละลายในปี 2597  พร้อมวางแผนพ้นวิกฤติตกงาน

 

เมื่อเวลา 16.50 น. ที่อาคารรัฐสภา   นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ถึงข้อกังวลเรื่องกองทุนประกันสังคมเหลือน้อย ว่า   จากข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2566 มีประมาณ 2.55 ล้านบาท อนาคตจะมีการเก็บเงินเข้ากองทุนต่อเนื่องทุกปี เข้าสูงสุดในปี 2568 มีเงินสะสม 5 ล้านล้านบาท แต่หลังจากนั้นหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร กองทุนจะเหลือศูนย์บาทในปี 2597 เพราะสังคมไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ มีคนเสียชีวิตมากกว่าคนเกิดใหม่ ดังนั้น จึงร่วมกันระดมสมองเพื่อหาทางไม่ให้กองทุนล้มละลาย

โดยมีการเสวนาระดมสมองของพรรคการเมืองต่างๆ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และกำลังจะจัดอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งตนจะให้ปลัดกระทรวงแรงงานส่งหนังสือถึงทุกพรรคการเมือง ให้ส่งนักเศรษฐศาสตร์ นักการเมือง นักคิด นักบัญชี ร่วมเสวนาด้วย

“ผมคิดว่า นี่เป็นปัญหาของทุกคน ของทุกพรรคการเมือง วันนี้ผมอาจจะนั่งดูแลตรงนี้ แต่ในอานคตระยะใกล้ หรือระยะไกล ไม่แน่ใจว่ารจะเป็นคนที่นั่งในนี้หรือไม่ได้นั่ง ก็จะต้องหมุนเวียนมาดูแลกระทรวงแรงงาน จึงเป็นความร่วมมือของทุกคนว่า จะทำให้กองทุนประกันสังคมมีความมั่นคง จึงขอชวนทุกพรรคมาหารือส่งข้อมูล ข้อคิด ท่านเป็นคนหนุ่มสาว มีความรู้ มีความคิดที่ดี” นายพิพิฒน์ กล่าว

รมว.แรงงาน กล่าวต่อว่า ตนขอฝากถึงกรรมาธิการิวิสามัญเรื่องงบประมาณ ว่าปีงบประมาณ 2568 กพร. แม้ได้งบฯ เพิ่ม แต่ไม่เพียงพอสำหรับรองรับการดำเนินงานเพื่อการมีงานทำ มีคนจบใหม่เตรียมเข้าสู่การทำงานปีละ 5 แสน ส่วนคนเกษียณปีละ 1.5 แสนคน ยังมีช่องว่าง 3.5 แสนคน จึงเป็นหน้าที่กระทรวงแรงงานในการหาตำแหน่งงานตรงนี้มารองรับทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงการสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจในตลาดแรงงานเนื่องจากปัจจุบันเรามีการจ้างงานแรงงานต้างด้าว เทียบกับรายได้จากแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ ไทยยังเสียดุลอยู่ราวๆ 2 แสนล้านบาท ดังนั้นต้องทำตรงนี้ให้สมดุล

ส่วนกรณีข้อกังวลปัญหาแรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ระบบสันดาปจะตกงานกว่า 2 แสนจากการเปลี่ยนผ่านรถยนต์สันดาป มาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ อีวี ว่า  เนื่องจากภายในระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่ 2567 -2573 จะมีแรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ระบบสันดานประมาณ 200,000 คน ถูกปลด ซึ่งขณะนี้ กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ได้เตรียมความพร้อมโดย กพร.ได้ลงนามร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับแรงงาน เพื่อเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมรถสันดาปเป็นรถอีวี ซึ่งมั่นในว่าทำไดทันแน่นอน