กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่พบมากในหญิงไทย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโรคมะเร็งในสตรี ซึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูก คือการติดเชื้อไวรัส HPV ทั้งนี้ เราสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการฉีดวัคซีน HPV หรือวัคซีนมะเร็งปากมดลูก
ไวรัส HPV สาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกและทวารหนัก
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เชื้อไวรัส HPV (Human papilloma virus) เป็นเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ มีราว 40 สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรค โดยที่รู้จักกัน คือสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกและทวารหนัก และ สายพันธุ์ 6 และ 11 ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียารักษา แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน HPV โดยเฉพาะอายุกลุ่มเป้าหมาย แนะนำให้ฉีดในช่วงอายุ 11- 20 ปี ซึ่งเป็นอายุช่วงวัยรุ่น ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ตอบสนองกับภูมิคุ้มกันได้ดี ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม และอายุ15 ปีขึ้น ไปควรฉีด 3 เข็ม นอกจากนี้ยังพบว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น ช่องปาก ลำคอ นอกจากนั้นยังสามารถป้องกันภาวะการเกิดหูดหงอนไก่ของอวัยวะสืบพันธุ์
วิธีดูแลตัวเอง ป้องกันมะเร็งปากมดลูก
นพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน สามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้ เช่น การดูแลป้องกันตัวเอง โดยการลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะกระตุ้นสำหรับการเกิดมะเร็ง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การมีคู่นอนหลายคน การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และพฤติกรรมสุขภาพโดยรวม เช่น การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้เส้นใยต่าง ๆ การควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม ในกรณีที่การป้องกันในระดับทุติยภูมิคือในกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ เช่น ในผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ ที่อาจจะติดเชื้อไปแล้ว สามารถทำได้โดยการการคัดกรองโรค เพื่อให้สามารถวินิจฉัยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว และควรตรวจสุขภาพประจำปี เช็คมะเร็งปากมดลูก( Pap smear ) อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
การเลือกวัคซีน HPV
รศ.พิเศษ.พญ.วารุณี พรรณพาณิช วานเดอพิทท์ กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ กล่าวต่อว่า การเลือกใช้วัคซีน HPV ชนิด 2, 4, หรือ 9 สายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล และความพร้อมของแต่ละครอบครัว ตลอดจนนโยบายของแต่ละประเทศ วัคซีนทุกประเภทมีประสิทธิภาพ ในการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว จากการติดเชื้อ HPV ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ หรือหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ อย่างไรก็ตาม วัคซีน 2 สายพันธุ์ สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ที่เกิดจากการติดเชื้อจากสายพันธุ์ 16 และ 18 ได้ แต่ไม่ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ ในชนิด 4 และ 9 สายพันธุ์ นอกเหนือจากการป้องกันมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ ช่องปากและลำคอ จากสายพันธุ์อื่น ๆ อย่างกว้างขวางมากขึ้น ยังช่วยป้องกันการเกิดหูดหงอนไก่ วัคซีน 4 สายพันธุ์ ช่วยป้องกันเชื้อไวรัส HPV ในสายพันธุ์ 6 และ 11 ที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ และสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก วัคซีน 9 สายพันธุ์ สามารถป้องกันสายพันธุ์ 31, 33, 45, 52, และ 58 เพิ่มเติมขึ้นจาก 4 สายพันธุ์ ยิ่งมีความครอบคลุมและช่วยป้องกันเพิ่มมากขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
รพ.เด็ก รณรงค์สร้างภูมิ HPV ให้นักเรียนไทยสุขภาพดี ปลอดมะเร็ง
อย่าหลงเชื่อ ข่าวปลอม! ห้ามฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก HPV
- 188 views