รมว.สาธารณสุข ชี้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหัวใจพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่สะดวก ย้ำ! “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่” พร้อมใช้เดือนม.ค. 67 ใน 4 จังหวัด “แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด นราธิวาส” เข้ารับบริการได้ทุก รพ.ทุกเครือข่ายรัฐและเอกชน คลินิก ร้านขายยาที่ร่วมโครงการ

 

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)  ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมระดับชาติด้านเวชสารสนเทศ ครั้งที่ 12 และการประชุมวิชาการสมาคมเวชสารสนเทศไทย ครั้งที่ 32 ประจำปี พ.ศ. 2566 ภายใต้แนวคิด “สุขภาพดิจิทัลเพื่อชาวไทย คลื่นลูกใหม่ของการขยายบริการสุขภาพถ้วนหน้า” ว่า เรื่องดิจิทัลสุขภาพ เป็น 1 ในนโยบายกระทรวงสาธารณสุขที่ตอบสนองนโยบายยกระดับ 30 บาท เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนของรัฐบาล ถือเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาระบบบริการให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ครอบคลุมมิติด้านสุขภาพ ทั้งการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และฟื้นฟูสุขภาพ

ทั้งนี้  งานเวชสารสนเทศจะมีส่วนช่วยให้สามารถนำข้อมูลทางสุขภาพมาใช้วางแผนการจัดการและปรับปรุงบริการสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การเข้ารับการรักษาด้วยบัตรประชาชนใบเดียว โดยเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยบริการทุกระดับ ทั้งภาครัฐและเอกชน การดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน การจัดทำ Home Ward หรือสถานชีวาภิบาล เพื่อรองรับความต้องการบริการจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างเต็มรูปแบบของประเทศไทย เป็นต้น

โดยกระทรวงสาธารณสุข จะประกาศนำร่องการใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ระยะที่ 1 ในต้นเดือนมกราคมนี้ 4 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส สามารถใช้ได้ทุกสิทธิการรักษาทั้งโรงพยาบาลรัฐทุกสังกัด โรงพยาบาลเอกชน คลินิกและร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ ส่วน เดือนเมษายน 2567 ทุกจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 1, 4, 9 และ 12 จะสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวรับบริการในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้ทุกแห่ง และจะขยายผลครอบคลุมทั้งประเทศให้ได้ภายใน 1 ปี