“ชลน่าน” แจงกรณีเครือข่ายกัญชาค้านนโยบาย ไม่เห็นด้วยยกเลิกการปลูก 15 ต้น ชี้เข้าใจคลาดเคลื่อน ใช้คำว่าผู้ผลิต เช่น การปลูก 15 ต้น หากจะให้ปลูก จะปลูกอย่างไรให้มีคุณภาพ และประชาชนที่ปลูกก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรับซื้อการผลิตได้ ไม่ใช่ให้ปลูกแล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่รับซื้อ ถ้าปชช.ปลูกต้องมีรายได้มีมาตรการรองรับ
เมื่อวันที่ 27 กันยายน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงนโยบายกัญชาทางการแพทย์ จัดเป็นหนึ่งในนโยบายยาเสพติดด้วยหรือไม่ ว่า จะอยู่ในส่วนของการบำบัด ส่วนของกฎหมายกัญชาไม่ได้จัดไว้ใน Quick Win เพราะเรื่องนี้ต้องละเอียดรอบคอบ
เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายห่วงใยเรื่องของการปรับเปลี่ยนกฎหมายกัญชา จะมีการเชิญมาแสดงความคิดเห็นด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แน่นอน เราต้องรับความเห็นทุกภาคส่วน คือ หลายส่วนอาจจะฟังแล้วไม่เข้าใจ แล้วไปตั้งสมมติฐานเองในสิ่งที่เป็นแนวนโยบาย
"ผมเน้นย้ำว่าต้องเป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา คือ กัญชาเพื่อการแพทย์และสุขภาพ จำเป็นต้องมีกฎหมายมาควบคุมในการใช้กัญชา เพราะกัญชาใช้อย่างแพร่หลาย และมิติของสุขภาพเป็นมิติของการสร้างเศรษฐกิจ กัญชามีทั้งบวกและลบ ถ้าเราใช้ให้เป็นเกิดประโยชน์สูงสุดมาก ไม่ว่าจะเป็นมิติสุขภาพหรือเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต้องดูเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ กฎหมายที่มีอยู่อะไรจะเกิดประโยชน์สูงสุดเราก็เข้าไปดูเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปยกเลิกหรือปรับรื้อแล้วทำให้เกิดความเสียหาย" นพ.ชลน่านกล่าว
ถามว่าเครือข่ายกัญชาออกมาต้าน เพราะไม่อยากให้ยกเลิกการปลูก 15 ต้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า น่าจะฟังความคลาดเคลื่อน เช่น บอกว่าตนห้ามปลูก 15 ต้น ซึ่งตนไม่เคยพูดว่าห้ามปลูก 15 ต้นเลย ตนใช้คำว่าผู้ผลิต เช่น การปลูก 15 ต้น หากจะให้ปลูก จะปลูกอย่างไรให้มีคุณภาพ และประชาชนที่ปลูกก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรับซื้อการผลิตได้ ไม่ใช่ให้ปลูกแล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่รับซื้อ ปัญหามันอยู่ตรงนั้น แต่อ้างว่าไม่มีคุณภาพ นี่คือปัญหา ตนเพียงเสนอว่า ถ้าจะให้ประชาชนต้องมีรายได้ จะต้องมีมาตรการรองรับ
ถามอีกว่าจะมีการนัดหารือเมื่อไรในการนำบางส่วนของกัญชามาเป็นยาเสพติด นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่ได้นัด แต่เบื้องต้นกำลังประสานกับกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เราจะคุยภาพใหญ่ก่อน ยธ.มอบให้ สธ.จากที่ประชุม ครม.เมื่อวานมีการหารือกัน 2 กระทรวง สธ.จะเป็นเจ้าภาพเชิญ ยธ.มาคุยเรื่องนี้เบื้องต้นก่อน จากนั้นพอได้ภาพใหญ่ก็จะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมา ส่วนแรกคือเรากับ ยธ.ก่อน เพราะการดูแลเรื่องยาเสพติดเป็นภาพใหญ่ มี 3 ส่วนใหญ่ ของ สธดูแลเรื่องการบำบัดรักษา การป้องกันปราบปราม และมิติที่จะไปเกี่ยวเนื่องกับสารที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มด้านเศรษฐกิจ
ภาพจากเฟซบุ๊กประสิทธิ์ชัย หนูนวล
ขณะที่เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา ทางเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ออกแถลงการณ์ ประกาศการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใจความว่า กรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะนำกัญชาบางส่วนเข้าสู่ยาเสพติดและตัดสิทธิการปลูกของประชาชนที่ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคมานานนับอายุตำรายาในสมัยพระนารายด์อายุกว่า300ปี การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไม่ใช้ข้อเท็จจริงในการกำหนดสถานะของกัญชาจะทำให้มาตรการควบคุมกัญชาเกิดความบิดเบี้ยว
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขตั้งสตินำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกัญชาอย่างรอบด้านมาสังเคราะห์แล้วค่อยกำหนดมาตรการ อย่าได้ใช้กระแสสังคมที่ถูกปั่นให้รับข้อมูลด้านเดียวแล้วใช้ข้อมูลอันบิดเบี้ยวมากำหนดมาตรการเพียงเพื่ออยากได้คะแนนเสียงและในขณะเดียวกันการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเช่นนี้ก็สามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญคือการทำให้กลุ่มคนเฉพาะเท่านั้นที่ปลูกกัญชาได้โดยเฉพาะ สส.พรรคเพื่อไทยทำธุรกิจกัญชาอยู่หลายคน
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอคัดค้านการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดและคัดค้านการตัดสิทธิของประชาชนในการปลูกกัญชาเพื่อความมั่นคงทางยาในระดับครัวเรือนโดยเครือข่ายจะมีปฏิบัติการตามลำดับขั้นดังนี้
ขั้นที่1
ยื่นหนังสือคัดค้านการนำกัญชาสู่ยาเสพติดและการตัดสิทธิของประชาชนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้เนื้อหาในหนังสือยังมีประเด็นที่สำคัญอีกหนึ่งประเด็นคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะต้องทำข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีข้อร้ายระหว่าง บุหรี่ สุรา กัญชา เพื่อทำให้สังคมรับรู้ร่วมกันถึงข้อเท็จจริงและตัดสินใจร่วมกันว่าระหว่าง 3 สิ่งนี้ควรนำสิ่งใดเข้าสู่บัญชียาเสพติด โดยกำหนดยื่นหนังสือในวันที่ 12 ตุลาคม 2566
ขั้นที่2
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยให้เวลากระทรวงสาธารณสุข 15 วัน ในการตอบคำถามและสร้างข้อมูลอันกระจ่างชัดให้เกิดขึ้นแก่สังคมและหากกระทรวงสาธารณสุขไม่ดำเนินการใดๆหรือยังยืนยันที่จะกระทำเช่นเดิมโดยการใช้อำนาจ เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจะชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลหลัง15วันที่ให้เวลากับกระทรวงสาธารณสุข
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามข้อเรียกร้องอันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการกำหนดสาถานะของกัญชาที่ถูกต้องคือต้องทำข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบออกมาระหว่าง สุรา บุหรี่ กัญชา แล้วนำข้อเท็จจริงนั้นมากำหนดสถานะของกัญชา
หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขปฏิเสธการใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดสถานะกัญชาแสดงว่ามีเจตนาอันฉ้อฉลและวิธีการเดียวที่ประชาชนจะจัดการกับกลุ่มคนที่ถือครองอำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัวคือเราต้องเอาหัวใจมารวมกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลหลังกำหนด15วันนับจากวันยื่นหนังสือ
การต่อสู้เรื่องกัญชาคือการต่อสู้เพื่อไม่ให้การแพทย์สมัยใหม่เบียดขับการแพทย์แบบอื่นที่ประชาชนพึงได้รับสิทธิ เป็นการต่อสู้เพื่อความรู้ท้องถิ่น และยืนยันในสิทธิพื้นฐานของประชาชนในการใช้สมุนไพรชนิดหนึ่งในการรักษาตัวเองในระดับครัวเรือน
ขอเรียนมายังประชาชนทุกท่านว่า กัญชามีข้อดีและข้อเสียเหมือนกับทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ มีแต่การนำข้อเท็จจริงอันถูกต้องรอบด้านมากำหนดมาตรการจึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการกำหนดให้นำข้อดีมาใช้และควบคุมข้อเสีย และจุดยืนของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยคือการปลูกเป็นสิทธิพื้นฐานของครัวเรือนในการใช้เพื่อความมั่นคงทางยา
ด้วยความหวังในการรักษาต้นไม้ต้นหนึ่งจากจิตใจอันมืดมนของผู้ถืออำนาจ
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย
- 1087 views