คณะแพทย์รามาธิบดี ประกาศนโยบายนักศึกษารามาธิบดีปลอดบุหรี่
คณะแพทย์รามาธิบดี ประกาศนโยบายนักศึกษารามาธิบดีปลอดบุหรี่ ร่วมเดินหน้ารณรงค์ไม่เอาทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า ชี้อันตรายเสี่ยงโรคหัวใจ ปอดอักเสบเฉียบพลัน
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2566 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกประจำปี 2566 “บุหรี่ไฟฟ้า มีสารพิษ เสพติด อันตราย” ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า คณะแพทย์รามาธิบดีให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเป็นผู้นำด้านการรณรงค์เรื่องการไม่สูบบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อให้บัณฑิตแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกหลักสูตรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน สร้างค่านิยมไม่สูบบุหรี่ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า และพร้อมเป็นผู้นำสังคมไทยสู่สังคมปลอดบุหรี่ จึงมีนโยบาย “นักศึกษารามาธิบดีปลอดบุหรี่” และประกาศจุดยืน “รามาธิบดี ไม่สนับสนุนทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า” พร้อมย้ำว่าบุหรี่ไฟฟ้า มีสารนิโคตินที่เป็นสารเสพติด และอันตรายเช่นเดียวกับบุหรี่ธรรมดา ทั้งนี้ ขอเชิญชวนให้คณะแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกสถาบันที่เป็นเสาหลักด้านสุขภาพของประเทศ ร่วมรณรงค์ไม่สนับสนุนทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าไปด้วยกัน
รศ.นพ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ ข้อมูลบุหรี่ไฟฟ้าหลายอย่างที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ถูกบิดเบือนและสร้างหลักฐานลวงเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้บุหรี่ไฟฟ้าเปลี่ยนจากสิ่งเสพติดที่อันตรายให้กลายเป็นทางเลือกในการสูบบุหรี่ ทั้งที่ข้อมูลที่แท้จริง บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ทางเลือกของคนที่สูบบุหรี่อยู่แล้ว แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กและเยาวชนเข้ามาสนใจและริลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า จนเกิดการเสพติดนิโคตินในที่สุด วัยรุ่นและในหมู่นักศึกษาแพทย์ยังมีความเข้าใจผิดว่า คิดว่าควันไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเพียงละอองไอน้ำ มีเพียงสารปรุงแต่งให้มีกลิ่นหอม อ้างว่าสูบชนิดที่ไม่มีนิโคติน แต่ความจริงคือ ไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ไอน้ำ แต่เป็นไอระเหยของสารเคมีที่มีอันตรายจำนวนมากรวมทั้งสารก่อมะเร็ง การเร่งให้ความรู้เท่าทันแก่นักศึกษาแพทย์มีความสำคัญ เพราะนักศึกษาแพทย์เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะมีเทคนิคในการสื่อสารไปถึงเด็กและเยาวชนถึงโทษพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าได้ดี
พญ.นภารัตน์ อมรพุฒิสถาพร หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤตระบบการหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยฝุ่นขนาดเล็ก PM 1.0 PM 2.5 มีสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาร์ลดีไฮด์ ไดอะซิทิล และอโครลิน รวมทั้งโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น นิกเกิล ดีบุก และตะกั่ว ซึ่งที่มาของโลหะหนักอาจจะมาจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์สูบที่โลหะหนักหลุดลอยจากขดลวดที่ชุบน้ำยา สารเคมีเหล่านี้มีผลกระทบต่อการเกิดโรคปอด ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมีแนวโน้มพบบ่อยขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นที่มีประวัติสูบบุหรี่ไฟฟ้า และแม้จะรักษาหายแต่ปอดจะไม่กลับมาเหมือนเดิม 100% บางรายอาจจำเป็นต้องใช้ยาพ่น หรืออุปกรณ์ช่วยการหายใจไปตลอด นอกจากภาวะปอดอักเสบแล้วการสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังเพิ่มความเสี่ยงเกิดหอบหืดเฉลี่ย 2 เท่า ทั้งนี้ ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ายังสนับสนุนให้ผู้สูบใช้ทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาหรือ dual user ที่มีอันตรายมากกว่าการสูบบุหรี่เพียงประเภทเดียว หากมีเยาวชนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เข้ามาใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็ถือเป็นอันตรายที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว
รศ.ดร.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ปัจจุบันมีงานวิจัยที่ยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพแทบจะไม่ต่างจากบุหรี่ธรรมดา โดยเฉพาะผลกระทบต่อโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ล่าสุดมีงานวิจัยจากสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา เผยแพร่เมื่อเดือนเม.ย. 2566 ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจ ความสมบูรณ์ของหลอดเลือด และระบบเผาผลาญในร่างกาย ที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน 2 เท่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้นทันที ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบตันขึ้น หัวใจทำงานหนักขึ้น ปล่อยทิ้งไว้นานจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ปัจจุบันเริ่มมีแพทย์ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ แชร์ข้อมูลมากขึ้นว่าพบคนไข้กลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 30 ปี เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน โดยที่คนไข้กลุ่มนี้มีประวัติสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งภาวะดังกล่าวหากเข้ารับการรักษาไม่ทันการณ์จะเสียชีวิต
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าทำให้การควบคุมยาสูบของไทยที่ดำเนินการมายาวนานหยุดชะงักและดำเนินการได้ยากขึ้น ที่สำคัญบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เกิดการระบาดของการเสพติดนิโคตินในเด็กและเยาวชน ซึ่งนิโคตินมีอำนาจเสพติดที่รุนแรงเทียบเท่าเฮโรอีน ติดง่ายแต่เลิกยาก พบว่ามีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ไม่ใช่เด็กกลุ่มเสี่ยงที่จะสูบบุหรี่แต่เข้ามาลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะวัยรุ่นผู้หญิง มีตัวอย่างให้เห็นแล้วในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ให้พิจารณานโยบายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างรอบคอบ ควรคิดถึงผลที่จะกระทบต่อเด็กและเยาวชนเป็นสำคัญ โดยควรจะนำข้อมูลที่ถูกต้องจากสถาบันการแพทย์ และนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญด้านการควบคุมยาสูบประกอบการพิจารณา ที่สำคัญควรจะป้องกันไม่ให้ฝ่ายธุรกิจที่แสวงหาผลประโยชน์จากบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาแทรกแซงการกำหนดนโยบาย
น.ส.สิตาธรรม พืชกมุทร นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 คณะทำงานโครงการนักศึกษารามาธิบดีปลอดบุหรี่ กล่าวว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนเอาตัวเองไปเป็นหนูทดลองว่าอีก 10-20 ปีข้างหน้าบุหรี่ไฟฟ้าจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงแค่ไหน ถ้าเราต้องเลือกโดยสารเครื่องบินเพื่อเดินทางไปยังจุดหมาย แล้วรู้แน่ ๆ ว่าเครื่องบินลำนั้นจะตกและมีคนต้องเสียชีวิตเกินครึ่งลำ เรายังจะเลือกเดินทางไปกับเครื่องบินลำนั้นอีกไหม ชีวิตเรายังมีความสนุกมากมายรออยู่ มีโลกกว้างให้ผจญภัย อย่าทำร้ายตัวเอง ทำลายอนาคตด้วยการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเลย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดตัวบทกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า...ครอบครอง นำเข้า จำหน่ายถือว่าผิด..มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 217 views