หมอรามา เผยอิสราเอลพบเด็ก 16 ปี ปอดพังจากบุหรี่ไฟฟ้า
หมอรามา เผยอิสราเอลพบเด็ก 16 ปี ปอดพังจากบุหรี่ไฟฟ้า ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ECMO สุดท้ายเสียชีวิต ชี้อิสราเอล มีมาตรการคุมเข้ม แต่อนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้า ทำเด็ก เยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้าหนัก
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. พญ.นภารัตน์ อมรพุฒิสถาพร หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤตระบบหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยข่าวจากอิสราเอลที่พบเด็กอายุ 16 ปี ปอดพังจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและเสียชีวิต โดยพ่อของไมอ์ดาน เคลเลอร์ ผู้เสียชีวิตระบุว่า ลูกของเขาเสียชีวิตหลังสายต่อเครื่องช่วยหายใจชนิดพิเศษหลุด ในฐานะพ่อแม่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เด็กเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ โดยที่พ่อแม่ไม่สามารถควบคุมลูกได้ และยากที่จะป้องกันลูกจากบุหรี่ จึงขอเรียกร้องให้ควบคุมการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กให้เข้มงวดกว่านี้ ขณะที่แม่ขอให้พ่อแม่เด็กดูแลไม่ให้ลูกสูบบุหรี่ไฟฟ้า และสมาคมแพทย์เวชศาสตร์ป้องกันเรียกร้องให้มีการห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเมื่อปี 2019 กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลเสนอให้ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ช่วงที่มีเยาวชนอเมริกาเสียชีวิตหลายสิบคนจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งที่มีและไม่มีการผสมสารสกัด น้ำมันกัญชา แต่ผลักดันกฎหมายไม่สำเร็จ ทั้งนี้ กรณีเด็กที่เสียชีวิตรายนี้ ทางการโรงพยาบาลอยู่ระหว่างสอบสวนสาเหตุที่เกิดขึ้น
“ผู้เสียชีวิตรายนี้ใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดพิเศษ Extra Corporeal Membrane Oxygenation หรือ ECMO ใช้ในคนไข้ที่ปอดมีปัญหารุนแรงจนรับออกซิเจนให้ร่างกายไม่พอ โดยจะนำเลือดออกจากร่างกายให้ไหลผ่านเครื่องนี้เพื่อรับออกซิเจน ก่อนเลือดจะถูกส่งกลับสู่ร่างกาย เทียบเคียงได้กับไตเทียม ที่นำเลือดคนไข้มาผ่านเครื่องเพื่อขับของเสียออกจากเลือดก่อนที่เลือดจะกลับเข้าสู่ร่างกาย การใช้เครื่อง ECMO เป็นการประทังชีวิต ซื้อเวลาให้ปอดกลับคืนสู่สภาพที่ดีขึ้นจนสามารถหยุดใช้เครื่องชนิดนี้ได้ แต่ผู้ป่วยที่ปอดอักเสบรุนแรงจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า คนไข้หลายคนต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนปอดเพื่อรักษาชีวิต” พญ.นภารัตน์ กล่าว
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า อิสราเอลเปิดให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้ถูกกฎหมาย มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด มีการห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินมากกว่า 20 มิลลิกรัมจากสหรัฐอเมริกา แต่เด็กและเยาวชนก็สูบบุหรี่ไฟฟ้ากันมาก ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง อิสราเอลได้เสนอให้ลดภาษีบุหรี่ไฟฟ้าลง 20% ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณา นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข เวียดนาม อยู่ระหว่างผลักดันให้ออกกฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนไทยมีกฎหมายห้ามขายอยู่แล้ว สิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องทำคือการกวดขันให้มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายอย่างเข้มงวด และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งบรรจุแนวทางการให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนทั่วประเทศ เกี่ยวกับอันตรายของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องระมัดระวังไม่ให้ลูกสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : งานวิจัยจากอังกฤษจะสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่าประเทศอื่น
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 545 views