มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย เผยโควิด-19 ส่งผลสถานการณ์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 6 เดือนทั่วโลกลดลง  รวมทั้งประเทศไทยปี 2565 เหลือตัวเลข 14 % ตกลงจากปี 2562 ที่ 23 %  ย้ำ! รัฐบาลและผู้ประกอบการต้องสนับสนุนลาคลอด  6 เดือนพร้อมได้รับเงินเดือน  เพื่อให้แม่ได้เลี้ยงลูก ซึ่งจะได้ทั้งการให้ลูกกินนมแม่ ดูแลเรื่องพัฒนาการ ด้านกรมอนามัยตั้งเป้าเด็กไทย 50% กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือนภายในปี 2568  

 

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่กรมอนามัย ในการลงนามบันทึกข้อตกลงการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ระหว่างกรมอนามัย และมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย  โดย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า   กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีนโยบายในการส่งเสริมให้เด็กไทยทุกคนได้กินนมแม่อย่างเต็มที่ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือ กินนมแม่ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด กินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต และกินนมแม่ต่อเนื่องควบคู่อาหารตามวัย จนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น โดยมีเป้าหมายในปี 2568 ให้เด็กไทย 50 %จะได้กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน ซึ่งกรมอนามัย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการส่งเสริม ให้เด็กไทยได้กินนมแม่ ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อปกป้อง ส่งเสริม และสนับสนุนให้เด็กไทยทุกคนได้กินนมแม่เป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่เด็กไทย

“การลงนามความร่วมมือนี้ นอกจากจะสนับสนุนนโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในประเทศไทย ยังเป็นการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายที่องค์กรอนามัยโลกกำหนด รวมทั้ง ให้คุณแม่ทุกคนสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จและรวมพลังผลักดันให้ครอบครัว สังคมไทยเข้าสู่วิถีสังคมนมแม่ ให้เด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสเติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป” นพ.สุวรรณชัยกล่าว 

ขณะที่ พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 6 เดือนแรกที่เป็นตัวชี้วัดระดับนานาชาติ ในการบอกสถานการณ์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของประเทศต่างๆ  ในส่วนของประเทศไทยล่าสุดปี 2565 อยู่ที่ 14 % ตกลงจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 23 %     เป็นผลเหมือนทั่วโลก เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19  ที่ส่งผลให้ต้องมีการผ่าคลอด และเมื่อคลอดแล้วต้องแยกลูกออกจากแม่  เพราะกลัวว่าเด็กจะติดโควิดจากแม่ ทำให้ทารกไม่ได้เข้าเต้าตั้งแต่คลอด กว่าจะรู้ว่าเลี้ยงลูกได้ก็ใช้เวลาแล้ว และแม่ยังไม่ค่อยกล้าเลี้ยงแบบให้นมลูกจากเต้า

การที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย 50 % ทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามาร่วมกันดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งกรมอนามัยและศูนย์นมแม่ฯได้ร่วมกันร่าง ยุทธศาสตร์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ขึ้น เพื่อให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็น วิถีของแม่และสังคมไทย จะมีการประชาพิจารณ์ในช่วงเดือนมิ.ย.นี้ ประกอบด้วย  4 ประเด็นยุทธศาสตร์ คือ 1.การขับเคลื่อนนโยบายและกฎหมาย ส่วนสำคัญคือการผลักดันให้ออกกฎหมายหญิงลาคลอดได้ 6 เดือน  จากที่ปัจจุบันลาได้ 3 เดือน 2.การปลูกฝังและสร้างค่านิยม 3.การพัฒนาคุณภาพระบบบริการ และ 4.การจัดการความรู้และนวัตกรรม 

ดังนั้น  การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จะพิจารณาถึงแนวทางที่จะทำให้เด็กไทยได้รับนมแม่มากขึ้น  โดยที่ผ่านมา ในระบบบริการมีการปรับให้แม่คลอดต้องสามารถให้นมแม่ลูกได้ก่อนออกจากรพ.แล้ว แต่พบว่าหลังจากนั้นไม่ได้ให้ต่อเนื่อง จากการที่แม่ต้องทำงาน จึงอยากให้รัฐบาลและผู้ประกอบการมีนโยบายที่จะส่งเสริมในการให้เด็กไทยได้รับนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ด้วยการผ่านกฎหมายให้หญิงลาคลอดได้ 6 เดือน โดยได้รับเงินเดือน  ซึ่งประเทศเวียดนามให้หญิงลาคลอดได้ 6 เดือน ทำให้อัตราการเลี้ยงลูกนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนขึ้นไปถึงกว่า 40 % แล้ว

“ รัฐบาลและผู้ประกอบการต้องสนับสนุนให้มีการลาคลอดได้ 6 เดือนพร้อมได้รับเงินเดือน  เพื่อให้แม่ได้เลี้ยงลูก ซึ่งจะได้ทั้งการให้ลูกกินนมแม่ ดูแลเรื่องพัฒนาการ  เกิดความผูกพันระหว่างแม่ลูกจะได้ไม่มีการทิ้งหรือตีแม่”พญ.ศิริพรกล่าว

พญ.ศิริพร กล่าวอีกว่า    ถ้ายังไม่ออกกฎหมายให้หญิงลาคลอด 6 เดือน ก็จะต้องจัดหาคนดูแลที่มีคุณภาพมาช่วยดูแล  โดยรัฐควรจะต้องลงทุนให้งบประมาณสนับสนุนการทำ “เดย์แคร์เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี” ที่จะให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพให้ได้กินนมแม่ ซึ่งเด็ก  2 ขวบครึ่งขึ้นไป ได้ค่าอาหาร ค่านมจากรัฐบาล ก็ควรสนับสนุนเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบครึ่งด้วย เพราะเด็กไทยประมาณ 50 % ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ทั้งที่เป็นช่วงคุณภาพของชีวิต  ทั้งนี้  อาจจะเริ่มจากการสนับสนุนไปยังเดย์แคร์หรือศูนย์เด็กเล็กของ กระทรวงมหาดไทยที่มีอยู่ในชุมชน ราว 25,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเดิมดูแลเด็กตั้งแต่ 2 ปีครึ่งขึ้นไป ขยายให้สามารถรับเด็กอายุ 3 เดือน- 2 ปีครึ่งด้วย โดยบุคลากรที่จะดูแลในช่วงวัยนี้ เป็นหน้าที่ของสธ.ร่วมฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรที่จะเข้าไปดูแลเด็ก โดยนำร่องเป็นต้นแบบในพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน  และตั้งเป้าหมายในแต่ละปีจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ 

“ตอนนี้ผู้หญิง 1 คน โดยเฉลี่ยก็มีลูกได้ 1-2 คน  รัฐควรส่งเสริมให้มีการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ ซึ่งองค์กรยูนิเซฟระบุตัวเลขชัดเจนว่า ถ้าลงทุนเด็กช่วงปฐมวัย อัตราผลตอบแทนกลับเกิดขึ้น 16 เท่า ดังนั้นรัฐบาลควรลงทุนในเด็กช่วงวัยต่ำกว่า 2 เดือนครึ่งด้วย”พญ.ศิริพรกล่าว 

อนึ่ง มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ยังได้ร่วมกับกรมอนามัยจัดการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 8 เรื่อง เสริมพลัง สร้างความรู้ สู่วิถีนมแม่ อย่างยั่งยืน Step up Breastfeeding: Educate, Support and Sustain โดยมีราชวิทยาลัยกุมารเวชศาสตร์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ สภาการพยาบาล สมาคมโภชนาการเด็ก กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมด้วย เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และฟื้นฟูวิชาการการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ทันสมัย ในวันที่ 21-23 มีนาคม 2566  ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯซึ่งสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานทาง www.thaibfconference.net ตั้งแต่วันนี้ถึง 6 มีนาคม 2566

 

 *สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org