วันพฤหัสบดีที่ 22 ธ.ค. 65 เวลา 13.30 น. ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายแพทย์บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.จังหวัดระยอง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวชื่นชมสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่สะท้อนมุมมองที่ควรเรียนรู้เกี่ยวกับ “กัญชาเสรี” จากประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา ที่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ต่อกรณีที่มีกมธ. กัญชา กัญชง ท่านหนึ่ง ออกมาตำหนิสภาพัฒน์ ที่ออกมาให้มุมมองที่ควรรู้จากต่างประเทศเกี่ยวกับ “กัญชา” ว่าสภาพัฒน์เป็นฝ่ายประจำสังกัดอำนาจบริหารมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายที่อำนาจนิติบัญญัติออกมาใช้บังคับ ก้าวกายอำนาจอธิปไตยอื่น

แสดงว่า กมธ. ท่านนี้ไม่สนใจที่จะรับฟังข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะอย่างรอบด้านของสังคม โดยเฉพาะจากหน่วยงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาฝ่ายแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

ประเด็นที่สภาพัฒน์สะท้อนมุมมองที่ควรเรียนรู้เกี่ยวกับกัญชาเสรีจากต่างประเทศ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณากฎหมายกัญชา คือ

1. กัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ ขณะเดียวกันการใช้กัญชาที่ไม่เหมาะสมส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะเด็กเยาวชน

2. ให้ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด พบว่าภายหลังเปิดกัญชาเสรี 1 เดือนเศษ เด็กมีการใช้กัญชาเพิ่ม 2 เท่า ให้ข้อมูลจากศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ระบุว่า มีผู้บาดเจ็บจากการใช้กัญชาเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยจำนวนผู้เข้ารับการรักษาและผู้ป่วยที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์หรือภาวะพิษเฉียบพลันจากกัญชาเพิ่มขึ้น ในจำนวนนี้มีเด็กป่วยจากกัญชาเพิ่มขึ้น

3. สภาพัฒน์สะท้อนประสบการณ์การเปิดเสรีกัญชา ในประเทศแคนาดา รัฐโคโรราโด และรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีมาตรการควบคุมเข้มงวดทั้ง 3 มิติ กล่าวคือ 1)การผลิต 2)การซื้อขายและการครอบครอง 3)การคุ้มครองผู้บริโภค

4. สภาพัฒน์มองว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง เป็นกฎหมายรองรับการเปิดกัญชาเสรีของประเทศไทย สภาพัฒน์เสนอว่าประเทศไทยควรมีมาตรการ
     4.1)ควบคุมการปลูกกัญชาไม่ให้รั่วไหลไปสู่ตลาดมืด
     4.2)การซื้อขายควรมีใบสั่งยาจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต เพื่อจำกัดการใช้ที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งการใช้เพื่อนันทนาการ
     4.3)ควรกำหนดรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ ให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อป้องกันการบริโภคกัญชาโดยไม่เจตนา หรือบริโภคไม่ถูกวิธี ก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์
     4.4)ควรมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงกัญชาของเด็ก และมีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆที่ชัดเจน
     4.5)ควรส่งเสริมและสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาที่ถูกวิธี
     4.6)ควรบังคับใช้กฎหมายและติดตามตรวจสอบต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
     4.7 มาตรการเสริมอื่นๆ เช่น การตั้งร้านจำหน่ายกัญชาควรกำหนดระยะห่างจากสถานศึกษา สถานรับเลี้ยงเด็กที่เหมาะสม การจำกัดจำนวนต้นกัญชา ปริมาณกัญชา รวมทั้งปริมาณการพกพา

จะเห็นว่าสภาพัฒน์ทำหน้าที่ถูกต้องแล้วที่สะท้อนมุมมองจากประสบการณ์การใช้กัญชาในต่างประเทศ ให้สังคมไทยได้รับทราบ เพื่อประกอบการคัดสินใจ

ผู้บริหารประเทศ ไม่ว่าฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องใจกว้างรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริง ครบถ้วน รอบด้าน ประกอบการวางแผน ตัดสินใจ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในภายหลัง ไม่ว่าเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม การพิจารณากฎหมาย หากไม่มีความรอบคอบแล้ว อาจได้ไม่คุ้มเสีย

ถ้าประเทศนี้มีแต่ข้าราชการที่ "อวยนักการเมือง" คงจะพาประเทศชาติลงเหวกันไปหมด ขอเป็นกำลังใจให้สภาพัฒน์ ว่าท่านทำดีแล้ว ช่วยค้นคว้าข้อมูล มานำเสนอข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่องต่อไป

ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรี สนับสนุนเฉพาะกัญชาการแพทย์ ที่รัฐบาลต้องมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ดังนี้

1. ช่อดอกกัญชา มีสารTHC สูง ต้องประกาศเป็นยาเสพติดให้โทษ ไม่เพียงแค่ประกาศให้สารสกัดที่มี THCเกิน 0.2% เท่านั้นที่เป็นยาเสพติดให้โทษปีะเภท 5

2. กัญชาการแพทย์ต้องสั่งจ่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ ตามมาตรฐานสภาวิชาชีพประกาศกำหนด

3. รัฐต้องประกาศวัตถุประสงค์นโยบายกัญชา 

     3.1 รัฐต้องแถลงวัตถุประสงค์นโยบายกัญชาให้ชัดเจน ว่าเพื่อประโยชน์การแพทย์ เพื่อประโยชน์การศึกษาวิจัย และต้องนิยามความหมายขอคำว่า "กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์" ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการตีความโดยผู้กำหนดนโยบาบ และผู้ปฏิบัติ และสังคม ที่ไม่ตรงกัน
     3.2 รัฐต้องห้ามใช้กัญชาเพื่อนันทนาการทุกรูปแบบ และต้องนิยามความหมายของคำว่า "กัญชาเพื่อการนันทนาการ" ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการตีความโดยผู้กำหนดนโยบาบ และผู้ปฏิบัติ และสังคม ที่ไม่ตรงกัน
     3.3 รัฐต้องประกาศเพิ่มเติมไม่ให้จำหน่ายช่อดอกกัญชาในสถานศึกษาทุกระดับ ในสถานีบริการน้ำมันและนอกเหนือจากที่ประกาศห้ามจำหน่ายในวัด หอพัก สวนสาธารณะ และต้องห้ามจำหน่ายในสถานที่ที่ห่างจากสถานที่ดังกล่าวในรัศมี 500 เมตร ด้วย
     3.4 รัฐต้องห้ามโฆษณาช่อดอกด้วยการนำต้นกัญชาที่ดีช่อดอก ช่อดอก ภาพของช่อดอก ในทุกสถานที่ ทุกข้องทางสื่อสารมวลชน รวมทั้งภาพการสูบกัญชาด้วย ยกเว้นเพื่อการศึกษาเล่าเรียนและการวิจัย
     3.5 รัฐต้องยกเลิกการอนุญาตให้ปลูกกัญชาตามบ้าน เนื่องจากไม่มีหลักประกันมิให้ช่อดอกหลุดไปอยู่ในมือเด็กเยาวชน โดยรัฐบาลต้องกำหนดมาตรการควบคุมการปลูกกัญชา ต้องปลูกในที่มิดชิด ต้องป้องกันไม่ให้เด็กในบ้าน บุคคลภายนอก และสถานที่สาธารณะมองเห็น หรือเข้าถึงต้นกัญชาได้ ปัจจุบันปลูกกันเป็นดอกดาวเรืองหน้าบ้าน ไม่มีมาตรการที่ประกันความปลอดภัยต่อเด็กเยาวชนและสังคม รัฐต้องมีบทลงโทษผู้ปลูกกรณีช้อดอกเล็ดลอดออกไปสู่มือบุคคลทั่วไป หรือตลาดมืด

รัฐบาลต้องควบคุมการครอบครอง การปลูก การผลิต การนำเข้า การส่งออก การศึกษาวิจัย กัญชา ให้ความปลอดภัยต่อเด็กและเยาวชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป จากการใช้กัญชาที่นอกเหนือวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ อย่างเข้มงวดด้วย