สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ย้ำชัด "บัตรทอง 30 บาท" มีสิทธิประโยชน์ ครอบคลุม-ไม่ครอบคลุมอะไรบ้าง..
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2565 มีการจัดเสวนา เรื่อง "สิทธิบัตรทอง 30 บาท ครอบคลุมอะไรบ้าง" ผ่านเพจเฟสบุ๊ค สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) โดย คุณวราภรณ์ สุวรรณเวลา ผู้ช่วยเลขาสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่า ประเด็นหลักๆของความหมายสิทธิประโยชน์ คือ 1. ประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุข 2. วิธีการไปใช้บริการ 3. เรื่องการเบิกจ่าย ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ จะทำให้ประชาชนที่ไปรับสิทธิ์ใช้บริการได้อย่างสะดวกและตามที่กองทุนฯกำหนดไว้
สำหรับสิทธิประโยชน์ภายใต้บัตรทอง กฎหมายจะกำหนดพระราชฉับัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 3 โดยกำหนดคำว่า "ค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข" ซึ่งมีดังนี้
1. ค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 2. ค่าตรวจและรับฝากครรภ์ 3. ค่าตรวจวินิจฉัยโรค 4. ค่าบำบัดและการบริการทางการแพทย์ 5. ค่ายาเวชภัณฑ์อวัยวะเทียมและอุปกรณ์ทางการแพทย์ 6. ค่าทำคลอด 7. ค่ากินอยู่ในหน่วยบริการ 8. ค่าบริบาลทารกแรกเกิด 9. ค่ารถพยาบาลหรือ ค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย 10. ค่าพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ 11. ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ 12. ค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นเพื่อการบริการสาธารณสุขตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยสรุปก็คือว่าสิทธิบัตรทองนั้นควบคุมตั้งแต่เกิดจนตายนั่นเอง
นอกจากนี้สิ่งที่เพิ่มเข้ามา หลังจากราชกิจจานุเบกษาประกาศ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 เรื่องประเภทและขอบเขตของบริการษาสุขภาพ พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นปรับปรุงประกาศโดยจะมีเพิ่มเข้ามา อย่างเช่น 1. บริการสาธารณสุขด้านการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกตามกฏหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ 2. บำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาและสารเสพติดยกเว้นการดำเนินการตามกฏหมายว่าด้วยยาเสพติดที่มีกำหนดเกี่ยวกับการให้บริการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
ซึ่งล่าสุดในปี 2565 ที่เพิ่มบริการเข้ามา อาทิเช่น การตรวจมะเร็งช่องปาก การตรวจคัดกรองทาลัสสิเมียในคู่ของหญิงตั้งครรภ์ การบริการผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ที่ติดบ้านติดเตียง การตรวจคัดกรองการได้ยินในทารกแรกเกิด เป็นต้น
ส่วนสิ่งที่ไม่ครอบคลุม เบิกไม่ได้... 1. เพื่อความสวยงามโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ 2. การตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่เกินความจำเป็นจากข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ 3. การรักษาที่อยู่ระหว่างการค้นคว้าทดลอง 4. การปลูกถ่ายอวัยวะ ที่ไม่ปรากฎตามบัญชีแนบท้าย 5. การบริการทางการแพทย์อื่น ตามที่บอร์ด สปสช. กำหนด
สำหรับสิทธิประโยชน์บัตรทองที่แตกต่างจากสิทธิประโยชน์ฉบับเดิม ตรงที่ไม่ครอบคลุมสิทธิประโยชน์รักษาภาวะมีบุตรยากและการผสมเทียม แต่ขยายครอบคลุมในการรักษาโรคที่ต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาลประเภทผู้ป่วยใน โดยไม่มีกำหนดเวลา ว่าต้องเกินกว่า 180 วันอีกแล้ว
ส่วนการใช้สิทธิบัตรทองใหม่ ประชาชนสามารถเข้ารักษาที่สถานพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ได้ และกรณีมีความจำเป็นก็สามารถเข้ารักษาที่หน่วยบริการปฐมภูมิอื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว และไม่ถูกเรียกเก็บเงินเหมือนเดิม สำหรับ หน่วยบริการปฐมภูมิ นั้น คือ บริการสุขภาพด่านแรกขอระบบบริการสาธารณสุข ซึ่งมีบทบาทในการดูแลสุขภาพประชาชนในท้องถิ่น โดยเน้นการป้องกันไม่ให้ป่วย หากเจ็บป่วยจะได้รับการดูแลรักษาเบื้องต้น และครอบคลุมในกรณีที่จำเป็นจะต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่รักษาโรคซับซ้อนมากขึ้น ทั้งนี้รวมถึงบริการฟื้นฟูสุขภาพด้วย
ตัวอย่างเช่น สถานีอนามัย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.), หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน, ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ทั้ง 69 แห่ง คลินิกเอกชนในระบบบัตรทอง และคลินิกอบอุ่น เป็นต้น
โดยใช้สิทธิบัตรทองได้ดังนี้ 1. ติดต่อที่หน่วยบริการปฐมภูมิที่เข้ารับการรักษา 2. แจ้งความจำนงใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพก่อนรับบริการ 3. แสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายที่ทางราชการออกให้ สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี แสดงสำเนาสูติบัตร (ใบเกิด)
- 104898 views