รัฐบาลสหรัฐเผชิญความท้าทายในการกระจายวัคซีนฝีดาษวานร เมื่อกลุ่มเสี่ยงสูงยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ นักการเมืองมองโรคฝีดาษวานร ฉายภาพซ้ำความล้มเหลวในการควบคุมโรคเช่นเดียวกับโควิด-19

โรคฝีดาษวานรกำลังเป็นโรคระบาดที่สำคัญในสหรัฐอเมริกา ซึ่งในขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 12,000 ราย และถึงแม้ว่าจะมีความพร้อมในการใช้วัคซีนเพื่อการควบคุมโรค รวมถึงมีขีดความสามารถที่จะเพิ่มปริมาณวัคซีนได้มากถึงห้าเท่าจากปริมาณที่มีอยู่ในขณะนี้ แต่สิ่งที่เป็นเรื่องท้าทายในขณะนี้คือ ยังไม่มีความชัดเจนว่าการป้องกันจะสามารถเข้าถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดได้

โดยความกังวลดังกล่าวถูกหยิบยกมาพิจารณา จากคุณหมอสเตลลา ซาโฟ อายุรแพทย์ด้านโรคเอดส์และผู้ก่อตั้งกลุ่มสนับสนุนความเท่าเทียมทางด้านสุขภาพ ซึ่งเธอมองว่าถ้ามีข้อจำกัดในด้านของปริมาณวัคซีน สิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือการตัดสินใจเลือกกลุ่มที่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับวัคซีนก่อนกลุ่มอื่นๆ ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการวิเคราะห์ และเรายังไม่มีประสบการณ์กับโรคดังกล่าว และมีความแตกต่างทางสังคมเป็นตัวกำหนด ดังนั้น การรักษาและทรัพยากรที่มีอยู่จะต้องมุ่งเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายที่จำเป็นที่สุดสำหรับวัคซีนดังกล่าว

มีการลงลึกถึงการวิเคราะห์ในรายละเอียดของโรคฝีดาษวานร ที่ถูกตีพิมพ์โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกาในเดือนนี้ โดยศึกษากลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบจากความไม่เท่าเทียมจากโรคระบาดดังกล่าว โดยทำการศึกษาในกลุ่มประชากรผิวดำ ประชากรเชื้อสายสเปน พบว่ามากกว่า 50% ของคนไข้ทั่วประเทศ เป็นชาวผิวดำ 26% และ 28% เป็นชาวเชื้อสายสเปน และมีหลายรัฐที่มีปัญหาในการเข้าถึงวัคซีน เช่น ในรัฐนอร์ทแคโลไรนาพบว่ามีความเหลื่อมล้ำสูงในการกระจายวัคซีน โดยมากกว่า 70% ของคนไข้เป็นคนผิวดำ แต่มีเพียง 26% เท่านั้นของคนไข้ผิวดำที่ได้รับวัคซีน ในรัฐโคโลลาโดก็พบปัญหาในลักษณะเดียวกัน นั่นคือคนผิวดำ และประชากรเชื้อสายสเปนได้รับวัคซีนน้อยกว่า 15%

นอกจากนี้สหรัฐอเมริกาเอง ยังคงมีปัญหาในการรับมือกับโรคระบาดฝีดาษวานร เนื่องจากความไม่ลงรอยกันระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ ซาเวียร์ เบเซอรากล่าเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลกลางได้เตรียมแผนรับมือกับโรคระบาดแล้ว แต่ยังต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น โดยขอความร่วมมือในการให้ข้อมูลเพื่อนำไปบริหารจัดการแผนดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา เป็นหน่วยงานกลางในการดูข้อมูล เพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการวัคซีน โดยใช้วิธีการบริหารภายใต้กรอบการทำงานของการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบจากสถานีข่าวซีเอ็นเอ็น พบว่าทั้ง 50 รัฐที่ทางสถานีขอข้อมูลด้านการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ส่วนใหญ่ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ โดยอ้างเหตุผลเรื่องข้อกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัว หรือความล่าช้าในการรวบรวมข้อมูล เป็นต้น ซึ่งประเด็นปัญหาดังกล่าว ได้รับความสนใจจากนักการเมืองด้วยเช่นกัน

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้แทนราษฎร ริชชี ทอร์เรส ได้ส่งจดหมายไปยังผู้นำท้องถิ่นของนิวยอร์ก เรียกร้องให้มีการเปิดเผยการได้รับวัคซีนโรคฝีดาษวานรในกลุ่มประชากร และเน้นย้ำว่าความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการวัคซีนเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะบทเรียนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่สามารถไว้ใจในระบบสุขภาพที่จะต้องตอบสนองอย่างทันที และทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มบอบบาง และข้อเรียกร้องลักษณะเดียวกันก็ถูกยื่นไปยัง หน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่น โดยสมาชิกสภารัฐวอชิงตัน 8 คน ที่เรียกร้องให้มีการเปิดเผยกลุ่มประชากรที่ได้รับวัคซีน

เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการกระจายวัคซีนเป็นไปอย่างยุติธรรม โดยพวกเขาต้องการให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขท้องถิ่นถอดบทเรียนจากโรคระบาดโควิด-19 ในเรื่องการสื่อสารและการกระจายวัคซีน โดยเขามองว่า สถานการณ์โรคฝีดาษวานร เป็นการฉายซ้ำของสิ่งที่เกิดขึ้นของการระบาดโรคโควิด-19 แต่เลวร้ายกว่า และดูเหมือนว่ากลุ่มคนชายขอบ และกลุ่มเปราะบางจะได้รับผลกระทบจากการขาดการดูแลอย่างทันท่วงที นอกจากนี้โรคฝีดาษวานร ยังเป็นโรคที่ถูกตีตราทางสังคมว่า เป็นโรคที่เกิดจากกลุ่มรักร่วมเพศ กลุ่มชายรักชาย โดยคนผิวดำและคนละตินได้รับผลกระทบมากที่สุด

 ถึงแม้ว่าโรคฝีดาษวานร มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายในขณะที่ผิวหนังสัมผัสกันระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ แต่งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์โดย ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา พบว่ามีคนไข้หนึ่งรายที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงทางด้านการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า แต่มีประวัติการสัมผัสทางร่างกายกับคนจำนวนมากในงานเทศกาลดนตรีแห่งหนึ่ง โดยคนไข้มีอาการผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย แต่ไม่มีอาการไข้หรือปวดหัว ซึ่งเป็นลักษณะอาการทั่วไปที่พบบ่อยในคนที่ติดเชื้อไวรัสโรคฝีดาษวานร อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า ชายดังกล่าวติดโรคมาจากคู่เต้นรำจากงานเทศกาล เพราะเหตุว่าผลตรวจจากทางทวารหนักพบเชื้อฝีดาษวานรด้วยเช่นกัน

 

 

Source: Monkeypox case reported in man whose 'primary risk factor' was close, nonsexual contact at a crowded outdoor event, CNN

Are monkeypoxvaccines getting to people most at risk? It’s hard to tell, but early data isn’t promising, CNN