เปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ 6-10 ก.ค.นี้ กรมแพทย์แผนไทยฯ มอบรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติปี 2565 ให้ "พ่อหมอเอียะ" หมอพื้นบ้าน จ.สุรินทร์ เชี่ยวชาญในการรักษางูพิษ สัตว์พิษ อาการผิดสำแดง ล่าสุด รพ.กาบเชิง จ.สุรินทร์  พัฒนาตำรับยาโลดทะนงแดงของพ่อหมอเอียะ ในรูปแบบยาแผนปัจจุบัน ขณะที่ในงานมหกรรมสมุนไพรฯ แจกต้นกัญชา สมุนไพร 5 ชนิด

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติและการประชุมวิชาการประจำปี การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก ครั้งที่ 19 ภายใต้แนวคิด “สร้างเศรษฐกิจไทย ด้วยกัญชาไทย นวดไทย อาหารไทย” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 ก.ค.2565 ที่อิมแพค เมืองทองธานี 

นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลได้กำหนดในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตั้งเป้าพัฒนายกระดับสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ได้มาตรฐาน เติบโตอย่างยั่งยืนนำไปสู่การเป็น ศูนย์กลางนวัตกรรมสมุนไพรของเอเชีย โดยในปี 2565 คาดว่าไทยจะสร้างรายได้ตรงนี้ไม่น้อยกว่า 48,298 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายส่งเสริมพัฒนาครัวไทยสู่ครัวโลก โดยส่งเสริมให้นำสมุนไพรมาประกอบอาหาร สร้างสุขภาพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน รวมทั้งส่งเสริมพัฒนาการนวดไทยที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนนวดไทยเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติขององค์การยูเนสโกเมื่อปี 2562 ซึ่งสามารถต่อยอดทางธุรกิจ สปา การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสร้างรายได้มากกว่า 300,000 ล้านบาท  

พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลเชิดชูเกียรติหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ปี2565 แก่นายเอียะ สายกระสุน อายุ 72 ปี หมอพื้นบ้าน จ.สุรินทร์ เชี่ยวชาญในการรักษางูพิษ สัตว์พิษ อาการผิดสำแดง โรคริดสีดวงทวาร ไส้เลื่อน ไข้ทับระดู และยาต้มหลังคลอด มีบทบาทร่วมรักษาผู้ป่วยงูพิษสัตว์พิษกัดกับในพื้นที่จ.สุรินทร์ตั้งแต่ปี 2539  และมอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลเชิดชูเกียรติ พื้นที่ต้นแบบดีเด่นแห่งชาติด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก ระดับเพชร ประจำปีงบฯ 2565 จำนวน 4 รางวัล, รางวัลพื้นที่ต้นแบบดีเด่น ชมรมผู้สูงอายุด้านการแพทย์แผนไทย ประจำปีงบฯ 2565 จำนวน 3 รางวัล 

สำหรับรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ 2565 “พ่อหมอเอียะ  สายกระสุน” แห่งเทือกเขาพนมดงรัก หมอพื้นบ้านจิตอาสาชายแดน รักษางูพิษกัด ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่ จนพัฒนาไปสู่ตำรับยาโลดทะนงแดงในรูปแบบยาปัจจุบัน

โดยพ่อหมอเอียะ สายกระสุน เป็นคนอำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์  ไม่เคยมีโอกาสบวชเรียนเพราะต้องทำงานหนัก ช่วยพ่อแม่ทำนามาตลอด และในชุมชนบ้านเกิดเป็นป่าดงรกชัฏ มีงูพิษ และสัตว์พิษชุกชุม เมื่อครั้งวัยรุ่นหมอเอียะต้องสูญเสียน้องสาวถูกงูพิษกัดและเสียชีวิต เป็นภาพจำที่เจ็บปวดฝังใจมายาวนาน หมอเอียะ

จึงเรียนวิชารักษาคนถูกงูพิษกัดจากลุงเขยจนแตกฉานและมีโอกาสรักษาคนไข้รายแรก ซึ่งถูกงูเห่ากัด หมดสติ เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลแต่อาการไม่ดีขึ้น ญาติขอให้พ่อหมอเอียะลองรักษา ปรากฏว่ารักษาจนฟื้นและหายเป็นปกติ ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ จึงเป็นจุดตั้งต้นทำให้พ่อหมอเอียะเป็นที่พึ่งของชาวบ้านสืบมา

จนกระทั่ง พ.ศ. 2531 นพ.เอกชัย ปัญญาวัฒนานุกูล มาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ได้เห็นประจักษ์ ถึงความรู้ความสามารถของพ่อหมอเอียะ ซึ่งได้ช่วยชีวิตคนถูกงูพิษกัด ได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงได้เชิญพ่อหมอเอียะมาช่วยรักษาคนไข้ และศึกษาตำรับยาของพ่อหมอเอียะ เพื่อขยายผลต่อไปทำให้พ่อหมอเอียะ ได้รับการยอมรับและได้รับเชิญไปให้บริการในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐและหน่วยงานอื่น เช่น โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา จังหวัดสุรินทร์ หน่วยเสนารักษ์ในศูนย์อพยพชายแดน ไทย-กัมพูชา ยังไม่นับรวมการถ่ายทอดองค์ความรู้ในหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

หมอเอียะ เปิดเผยว่า ตำรับยารักษางูพิษกัด คือ ยาฝนสำหรับดื่ม ให้ฝนรากโลดทะนงแดงและหมากแห้งกับหินลับมีดจนกระทั่งน้ำเป็นสีขาวขุ่น ผสมน้ำครึ่งแก้ว กรณีใช้ในเด็ก ให้ลดปริมาณลง การฝนยาสำหรับทาให้บีบน้ำมะนาวก่อนสัก 2-3 หยด จากนั้นฝนรากโลดทะนงแดง ฝนหมากแห้ง ให้ได้น้ำข้นค่อนข้างหนืด แล้วจึงทาลงบริเวณแผลที่ถูกงูกัด โดยรากโลดทะนงแดงและผลหมากแห้ง ทั้งสองอย่างต้องใช้คู่กันไม่สามารถแยกใช้ได้  มะนาวจะช่วยดูดพิษงูออกมาที่ปากแผล หากไม่มีมะนาวใช้มะกรูดแทนในรักษาได้เหมือนกัน  

 
หมอเอียะ เล่าว่า ตำรับยารักษาพิษงูกัดใช้รักษาผู้ป่วยมากว่า 40 ปี เป็นการช่วยเพื่อนมนุษย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ กัมพูชา ลาว มาเลเซีย อินเดีย เยอรมัน ที่เคยเดินทางมารักษาอาการบาดแผลจากพิษงูกัดและซื้อตำรับยากลับประเทศ เพื่อนำไปใช้แก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยนับเป็นการต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยให้ประชาชนบูชาเพียงชุดละ 100 บาท เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้จะให้ผู้ป่วยหรือชาวบ้านฟรี แต่ทุกวันนี้ว่านโลดทะนงแดง ในเขตพื้นที่ชายแดนเริ่มจะหายากมาก ต้องขออนุญาตในเขตพื้นที่ของทหารที่อยู่ติดกับเขตชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากตำรับการรักษาพิษงูกัด หมอเอียะยังมีองค์ความรู้ยาพื้นบ้านด้านการรักษาโรคอื่นๆทั่วไป ได้แก่ โรคผิดสำแดง โรคริดสีดวง โรคนิ่ว ไส้เลื่อน ไข้ทับระดูและการดูแลแลสตรีหลังคลอด เช่น การขับน้ำคาวปลาและการบำรุงน้ำนม เป็นต้น 

ปัจจุบันโรงพยาบาลกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ มีการพัฒนาตำรับยาโลดทะนงแดงของ หมอเอียะสายกระสุน ในรูปแบบยาปัจจุบันของในตำรับยารับประทานและยาทาเพื่อความสะดวก รวดเร็วในการรักษา โดยบดรากโลดทะนงแดง และหมากแห้งเป็นผง สามารถนำมาผสมกับน้ำและน้ำมะนาวใช้ได้ทันท่วงที เมื่อมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีหลักเกณฑ์และแนวทางการคัดเลือก หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ปี 2565 ดังนี้ 

1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย 2. เป็นผู้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแผนไทยหรือแพทย์แผนไทยประยุกต์ 3. ปฎิบัติงานดีเด่นที่เป็นแบบอย่างที่ดีได้ (ไม่น้อยกว่า 10 ปี) 4. เป็นคนดีมีจริยธรรม เมตตาธรรม ตามหลักศาสนา และ 5. เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการดูแลผู้เจ็บป่วยและถ่ายทอดความรู้ 

***
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในงานวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนสนใจเข้าร่วมงาน พร้อมต่อแถวรับแจกต้นกล้ากัญชาวัน 100 ต้น ขณะที่รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศวร ที่นำเอาสมุนไพรพื้นบ้านหายาก มาแจกภายในงานซึ่งก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าแถวรอจำนวนมาก ทั้งนี้จะมีการแจกต้นไม้ และสมุนไพรทุกวัน วันละ 5 ชนิดเป็นรอบๆ ระหว่าง 6-10 ก.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 11 - 12   โดยแจกวันละ 300 ต้น วันแรก (6 ก.ค.) แจกต้นมะกล่ำเผือก  วันที่สอง(7 ก.ค.) แจกต้นสายน้ำผึ้ง วันที่สาม(8 ก.ค.) แจกมะขามป้อม วันที่สี่(9 ก.ค.) แจกว่านคันทมาลา และวันที่ห้า (10 ก.ค.) แจกเท้ายายม่อม นอกจากนี้  ภายในงานจะแจกหนังสือครบครันกัญชาสยาม สานต่ออดีตสู่..อนาคต อีกวันละ 200 เล่ม  

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org