กระทรวงสาธารณสุข ร่วมภาคีเครือข่าย ชวนคนไทยงดเหล้าตลอดเข้าพรรษา “ปลอดเหล้า ปลอดโรค ปลอดภัย ห่างไกลโควิด 19” เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ปี 2565 ด้วยวิธี “1 ลด 3 เพิ่ม” ลดการดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มเงินในกระเป๋า เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย เพิ่มความสุขในครอบครัว พร้อมชวนประชาชน หรือผู้ที่มีปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประเมินความเสี่ยง ได้ที่สถานพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง หรือผ่านเว็บไซต์ “ติดเหล้ายัง-ดอทคอม” และลงนามปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษา ออนไลน์ได้ที่ www.stopdrink.com/sign
วันนี้ (29 มิถุนายน 2565) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายโสภณ สุวรรณรัตน์ รองหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมแถลงข่าว กิจกรรมรณรงค์วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2565 พร้อมมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่บุคคลและองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นด้านการป้องกันควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นแบบอย่างที่ดี แก่ประชาชนในการป้องกัน วบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวม 40 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลประเภทบุคคล 15 รางวัล ประเภทองค์กร 15 รางวัล ศิลปินนักแสดงที่เป็นแบบอย่าง 6 รางวัล
นพ.ธงชัย กล่าวว่า วันเข้าพรรษาของทุกปี ถือเป็น “วันงดดื่มสุราแห่งชาติ” ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดี ที่ 14 กรกฎาคม 2565 โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มอบคำขวัญไว้ว่า “ปลอดเหล้า ปลอดโรค ปลอดภัย ห่างไกลโควิด 19” โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชนคนไทยเนื่องจากการลด ละ เลิก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดการสังสรรค์ ไม่ไปในสถานที่แออัด จะเป็นการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของโรคโควิด 19 ทำให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ตลอดจนผู้นำทุกศาสนาได้มีโอวาทมุ่งเน้นให้เห็นถึงผลกระทบด้านลบจากการดื่มสุรา เพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมให้ประชาชน ลด ละ เลิก ดื่มสุรา
นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ “วันงดดื่มสุราแห่งชาติ” ขึ้นเพื่อเสริมสร้างความผูกพันในครอบครัวให้เยาวชน และประชาชนทั่วไปตระหนักถึงอันตรายของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระตุ้นให้เกิดการลด ละ เลิกการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และรับรู้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ซึ่งการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ถูกบรรจุ
อยู่ในกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดกรอบนโยบายเพื่อสร้างสังคมปลอดภัยจากปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (SAFER) ซึ่งเป็นมาตรการหลักในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สำหรับประเทศไทยได้รวบรวมสถิติผู้ดื่มแอลกอฮอล์ โดยกรมควบคุมโรค พบว่า ในปี 2564 มีผู้ดื่มแอลกอฮอล์ในรอบ 12 เดือนประมาณ 16 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 28 ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปที่มีจำนวน 57 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ดื่มที่มีอายุระหว่าง 25-44 ปี มากที่สุด (ร้อยละ 36.5) รองลงมาอายุ 45-59 ปี (ร้อยละ 32.4) อายุ 20-24 (ร้อยละ 31.6) อายุ 60 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 15.2) ส่วนเยาวชนอายุ 15-19 ปีมีอัตราการดื่มต่ำที่สุด (ร้อยละ 15) อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่ายยังคงร่วมรณรงค์ฯ ในการป้องกันการเกิดนักดื่มหน้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ขอเชิญชวนให้ประชาชน ลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา เพื่อดูแลสุขภาพของตนเอง โดยใช้วิธี “1 ลด 3 เพิ่ม” คือ ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มเงินในกระเป๋า เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย และเพิ่มความสุขในครอบครัว ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดรายจ่ายภาคครัวเรือนแล้วยังได้สุขภาพที่ดีขึ้น ยังจะนำไปสู่ความสุขแก่ตนเอง และสังคมในภาพรวม
ด้านนายโสภณ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ในฐานะคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ และในระดับจังหวัดได้มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานฯ ได้บูรณาการกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และชุมชน ในการร่วมกันป้องกันควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมถึงสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนในการมีส่วนร่วมในการลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงได้เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551
ซึ่งในช่วงเข้าพรรษาปี พ.ศ. 2565 นี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ได้ขับเคลื่อนการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน 878 อำเภอ โดยจัดกิจกรรมให้แก่ประชาชนตามบริบทของพื้นที่ เป็นแบบอย่างที่ดีในการลด ละ เลิกเหล้า และรายงานผลการดำเนินงานกลับมายังกรมการปกครองต่อไป
ด้านนพ.โอภาส กล่าวว่า การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีวัตถุประสงค์หลักในการลดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการเพิ่มขึ้นของนักดื่มหน้าใหม่ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้เตรียมความพร้อม ของสถานพยาบาล มีการจัดบริการประเมินความเสี่ยงจากการดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ และบำบัดรักษาให้แก่ประชาชน หรือผู้มีปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง และยังเพิ่มความสะดวกในการประเมินความเสี่ยงผ่านเว็ปไซต์
“ติดเหล้ายัง-ดอทคอม” หรือสามารถโทรปรึกษาได้ที่ศูนย์ปรึกษาปัญหาสุรา สายด่วนเลิกเหล้า 1413 นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรม “เชิญ ชวน เชียร์ ลด ละ เลิกเหล้า” ผ่าน Application Smart อสม. หรือลงนามผ่านทางออนไลน์ โดยตั้งเป้าหมายให้ อสม. เชิญชวนคนในครอบครัวและคนรอบข้าง อย่างน้อย 3 คน ลด ละ เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระหว่างช่วงเข้าพรรษา และจะขยายผลต่อเนื่อง ไปสู่การบำบัดรักษาและสร้างกำลังใจหลังกลับสู่ชุมชน เพื่อการตัดสินใจเลิกดื่มถาวร
ด้านดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวว่า สสส. และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ได้ริเริ่มโครงการ “งดเหล้าเข้าพรรษา” มาตั้งแต่ปี 2546 และยังคงมีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินงานที่ผ่านถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีประชาชนเข้าร่วมโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ภายใต้แนวคิด “งดเหล้าเข้าพรรษา มหามงคล “ซุปเปอร์แม่พ่อ พอแล้วเหล้า” ลด ละ เลิกเหล้า บุหรี่ อบายมุข เพื่อสร้างสุขให้สังคม ตนเอง ครอบครัว” ซึ่งการรณรงค์เน้นที่ความสัมพันธ์ในครอบครัว การเลิกเหล้าเพื่อความสุขของครอบครัว ซึ่งปีนี้มีการดำเนินการสำคัญ คือการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค และกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการสนับสนุนสื่อการรณรงค์ต่างๆ ให้กับพื้นที่อำเภอ 878 แห่ง โดยให้ความสำคัญในการสกัดนักดื่มหน้าใหม่ และกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มการดื่มเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง กลุ่มผู้ดื่มประจำ กลุ่มผู้ดื่มหนัก และกลุ่มเยาวชน เป็นต้นสำหรับประชาชน
ที่สนใจลงนามปฏิญาณตนงดเหล้าเข้าพรรษาออนไลน์ได้ที่ www.stopdrink.com/sign
- 3474 views