กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยสถานการณ์โควิดในไทยพบสายพันธุ์ JN.1  ยังเป็นสายพันธุ์หลัก และเป็นสายพันธุ์ที่องค์การอนามัยโลกเฝ้าระวังร่วมกับสายพันธุ์ BA.2.86  พร้อมร่วมมือกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์สายพันธุ์เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ทั่วโลกว่า องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการติดตามโอไมครอน (Omicron) จำนวน 9 สายพันธุ์ จากพื้นฐานของข้อมูลการเพิ่มความชุกหรือความได้เปรียบด้านอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่น ๆ และการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบในการก่อโรคได้แก่ สายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI)จำนวน 2 สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.86*และJN.1* สายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ Variants under monitoring (VUM) จำนวน 7 สายพันธุ์ ได้แก่ JN.1.7*, JN.1.18*,KP.2*, KP.3*, KP.3.1.1, LB.1* และ XEC ซึ่งสายพันธุ์ XEC เป็นสายพันธุ์ลูกผสมของ KS.1.1 และ KP.3.3 ส่วนมากพบในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยอาการและความรุนแรงขึ้นกับภูมิคุ้มกันแต่ละบุคคล

จากฐานข้อมูลกลาง GISAID ระหว่างวันที่ 19 สิงหาคมถึงวันที่ 15 กันยายน 2567 พบว่า KP.3.1.1* (สายพันธุ์ย่อยของ KP.3*) พบมากที่สุด ในสัดส่วน 46.6%โดยมีอัตราการพบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง JN.1* พบสัดส่วน 16% มีอัตราการพบที่ลดลงต่อเนื่อง สายพันธุ์ KP.3*, KP.2*, LB.1*, JN.1.18*, JN.1.7* มีแนวโน้มลดลง โดย KP.3* คิดเป็น 14.4%, KP.2* คิดเป็น 8.1%,  LB.1* คิดเป็น 6.3%, JN.1.18* คิดเป็น 1.2% และ JN.1.17* คิดเป็น 0.1%ตามลำดับ,สายพันธุ์ XEC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในสัดส่วน 4.8%และสายพันธุ์ Recombinant มีอัตราส่วนการพบเพิ่มขึ้นในสัดส่วน 2.3%

นพ.ยงยศ กล่าวอีกว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ร่วมมือกับเครือข่ายห้องปฏิบัติการเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง และเผยแพร่ผ่านฐานข้อมูลสากล GISAID จำนวน 46,952 ราย นับตั้งแต่เริ่มสถานการณ์ระบาดโรคโควิด 19 ในประเทศไทยเดือนมกราคม 2563 ถึง 11 พฤศจิกายน 2567 สำหรับสถานการณ์โอมิครอนในประเทศไทยสายพันธุ์JN.1* ยังคงเป็นสายพันธุ์หลัก จำนวน 1,253 ราย คิดเป็นสัดส่วนสะสม 48.57% ของสายพันธุ์ทั้งหมดที่พบในประเทศไทย [JN.1* ทั่วโลก จำนวน 219,972 ราย จาก 102 ประเทศ(อ้างอิงฐานข้อมูล CoV-spectrum ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567)]  ส่วนสายพันธุ์ FLiRT ที่พบในประเทศไทย ได้แก่ สายพันธุ์ LB.1*,  KP.2*,KP.3* และสายพันธุ์ XEC

สำหรับข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด 19 จากห้องปฏิบัติการฝ่ายไวรัสระบบทางเดินหายใจ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระหว่างวันที่ 23 กันยายนถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2567 จำนวน 69รายพบสายพันธุ์ JN.1* จำนวน 25 ราย คิดเป็นสัดส่วน 36.2% สายพันธุ์KP.2* (สายพันธุ์ย่อยของ JN.1.11.1*) จำนวน 17 ราย คิดเป็นสัดส่วน 24.6% จำนวน 9 ราย คิดเป็นสัดส่วน 13.0%, สายพันธุ์ XEC (สายพันธุ์ลูกผสมของ KS.1.1 และ KP.3.3) จำนวน 4 ราย คิดเป็นสัดส่วน 5.8% ซี่งพบในเขตสุขภาพที่ 4 และ 13 , สายพันธุ์ KP.3* (สายพันธุ์ย่อยของ JN.1.11.1*), KP.3.1.1* (สายพันธุ์ย่อยของ JN.1.11.1*) และ JN.1.18*  จำนวนสายพันธุ์ละ 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนสายพันธุ์ละ 4.3%