กรมควบคุมโรคย้ำเด็กเล็กต้องฉีดวัคซีนโควิด เผยหากไม่สะดวกฉีดตามโรงเรียนกำหนด ให้ติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน ปรึกษาแพทย์ขอฉีดเป็นกรณี ขณะที่เด็กอายุ 12-17 ปี เป็นช่วงฉีดบูสเตอร์ แนะรับบริการก่อนเปิดเทอม พ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์การติดเชื้อในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 11 ปีว่า ไม่ได้แตกต่างเมื่อเทียบกับสถานการณ์ของผู้ใหญ่ แต่ที่แตกต่างคือ อัตราเสียชีวิตค่อนข้างต่ำกว่าผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนที่เสียชีวิตในเด็กเล็กมักมีโรคประจำตัวร่วม เช่นโรคหัวใจ โรคทางสมอง ซึ่งการฉีดวัคซีนป้องงกันโควิดในเด็กจึงแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ ฉีดในโรงเรียน เป็นกลุ่มใหญ่และค่อนข้างเร็ว และการฉีดในโรงพยาบาล ซึ่งกำหนดให้ฉีดกรณีเด็กมีอาการป่วยต่างๆ และมีความเสี่ยง
“ส่วนบางคนที่ไม่สะดวกในการฉีดที่โรงเรียน หรือมีธุระทำให้ไม่สามารถฉีดพร้อมกันในสถานศึกษานั้น ก็สามารถไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลได้ แต่ขอให้ปรึกษากับแพทย์ในสถานพยาบาลนั้นๆก่อน เนื่องจากไม่ใช่ออฟชั่นที่วางไว้ตั้งแต่ต้น แต่เป็นความยืดหยุ่นเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ และขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ด้วย” นพ.โอภาส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายของรัฐมนตรีสามารถวอล์กอินได้ในผู้ใหญ่ ในส่วนของเด็กสามารถทำได้ด้วยหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า จะเน้นเป็นผู้ใหญ่ แต่กรณีเด็ก อยากให้ใช้โรงเรียนเป็นฐานหลักมากกว่า ยกเว้นว่า มีกรณีจำเป็นช่วงนั้นไม่สามารถไปฉีดได้ตามโรงเรียนกำหนด อาจต้องเดินทาง ก็สามารถทำได้ แต่ต้องปรึกษาโรงพยาบาล พิจารณาเป็นรายๆ ไป
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในส่วนกลุ่มเด็กมัธยมศึกษาอายุ 12-17 ปี ขณะนี้เข้าสู่ระยะที่ต้องมีการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นแล้วเช่นกัน จึงแนะนำให้รับวัคซีนก่อนเปิดเทอมช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ โดยสามารถเลือกรับได้ทั้งแบบเต็มโดสหรือครึ่งโดส ซึ่งทั้งสองแบบมีประสิทธิภาพในการเพิ่มภูมิคุ้มกันไม่แตกต่างกัน แต่การฉีดครึ่งโดสจะมีผลข้างเคียงจากวัคซีนน้อยกว่า โดยกลุ่มเด็กที่สุขภาพปกติ จะฉีดโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ส่วนกลุ่มเด็กป่วยสามารถรับบริการในโรงพยาบาลที่รักษาได้ ขณะที่เด็กประถมศึกษาอายุ 5-11 ปี ฉีดเข็มแรกไปแล้ว จะฉีดเข็มสองห่างจากเข็มแรกประมาณ 8 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการเร่งรัดฉีดเพื่อรองรับการเปิดเทอมต่อไป
(ข่าวเกี่ยวข้อง : อัปเดต! ลดวันกักตัว "ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง" 5+5 เริ่มอย่างช้า พ.ค.นี้ รอประเมินหลังสงกรานต์)
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 429 views