สธ.กระจายวัคซีนโควิด “แอสตร้าฯ - ไฟเซอร์”  ลงพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  จุดใกล้บ้านให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุรับบูสเตอร์โดส เผยผู้สูงวัยรับวัคซีนก่อนสงกรานต์กว่า 2 ล้านคน เหลืออีกกว่า 1 ล้านคน เร่งรณรงค์รับวัคซีน ลดความรุนแรง และเสียชีวิตได้ 31 เท่า  

 

เมื่อวันที่ 12 เม.ย.2565  นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุช่วงสงกรานต์ ว่า  เป้าหมายที่วางไว้ในการฉีดวัคซีนโควิดกลุ่มผู้สูงอายุช่วงสงกรานต์จำนวน 3 ล้านคน สามารถฉีดไปแล้ว 2 ล้านกว่าคน เหลืออีก 1 ล้านคน พยายามเร่งรัดให้ฉีดเพิ่มขึ้น โดยขอเชิญชวนญาติ ลูกหลานพาผู้สูงอายุฉีดวัคซีนป้องกันโควิด อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ผู้สูงอายุไม่ค่อยอยากฉีดวัคซีน เหตุผลแรกคือ ไปมาไม่สะดวก บางคนติดเตียง เราให้เจ้าหน้าที่ไปฉีดเอง บางคนเดินทางลำบาก เนื่องจากบ้านอยู่ในตำบลเล็กๆ ต้องไปฉีดที่อำเภอ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความกลัว อย่างข่าวคราวต่างๆ ออกมา ทำให้ฝังใจ และอีกประการคือ มีความลังเล จึงต้องย้ำเตือนข้อเท็จจริงว่า การฉีดวัคซีนบูสเตอร์ 3 เข็มจะป้องกันความรุนแรง ลดเสียชีวิต โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ผู้สูงอายุจะช่วยได้มาก

“สิ่งหนึ่งที่ทางกระทรวงสาธารณสุขพยายามทำ และท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการ สธ.ได้ให้แนวทางคือ การส่งวัคซีนไปใกล้บ้านประชาชนมากที่สุด ซึ่งล่าสุดเราได้ส่งวัคซีนโควิด ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ไปใกล้บ้านประชาชน คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ประชาชนที่อยู่อำเภอห่างไกล สามารถพาผู้สูงอายุฉีดวัคซีนใกล้บ้านได้” นพ.โอภาส กล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรามีวัคซีนไฟเซอร์ 3 แบบ คือ ไฟเซอร์ฝาสีส้ม สำหรับเด็กเล็ก ไฟเซอร์ฝาสีม่วง เป็นสูตรเดิมที่ต้องผสมน้ำเกลือ และไฟเซอร์ฝาสีเทา สูตรใหม่ที่ฉีดในประชาชนทั่วไป โดยไม่ต้องผสมน้ำเกลือเหมือนฝาสีม่วง โดยฝาสีเทา เป็นอันใหม่ที่ฝรั่งเศสบริจาคให้เรา และไฟเซอร์ผลิตขึ้นมาใหม่ ข้อดี คือ ไม่ต้องผสมน้ำเกลือ ทำให้สะดวกใช้งาน โดยเฉพาะในรพ.สต.ที่มีเจ้าหน้าที่จำกัด อีกทั้ง ยังเก็บได้นานขึ้น จากเดิมเมื่อออกจากอุณหภูมิติดลบ 70 ต้องอยู่ในตู้เย็น 2-8 องศาจะอยู่ได้แค่ 4 สัปดาห์ แต่ของใหม่อยู่ได้นานถึง 8-10 สัปดาห์ จึงเหมาะแก่ รพ.สต. และวัคซีนไฟเซอร์ปลอดภัยสูง

“ตอนนี้มีวัคซีนประมาณ 3 ล้านได้กระจายไปยัง รพ.สต.แล้ว ซึ่งน่าจะถึงครบถ้วนทุกพื้นที่ประมาณ 1-2 วันนี้ โดยจะมีการตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนจะส่งไปที่จังหวัด และจังหวัดจะกระจายไปยังรพ.สต.พื้นที่ที่รับผิดชอบ” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า การฉีดวัคซีนโควิดมีความสำคัญ เพราะเรายังพบอยู่เสมอว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ทั้งนี้  ยังพบว่า 94% ไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นจะลดการเสียชีวิตลงได้ 31 เท่า จึงเป็นมาตรการสำคัญที่ลดการเสียชีวิตลง สธ.มีนโยบายช่วงสงกรานต์ ลูกหลานที่กลับบ้านให้พาผู้สูงอายุไปรับวัคซีนได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่งได้มีการกระจายวัคซีนไฟเซอร์แลังะแอสตราเซนเนก้าให้ไปถึงระดับรพ.สต.แล้ว

นอกจากนี้ ในช่วงถัดไปจะมีการเปิดเทอมในเดือนพ.ค. ซึ่งเด็กมัธยมฯอายุ 12-17ปี เข้าสู่ช่วงการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น จึงขอให้เข้ารับก่อนการเปิดเทอม สามารถเลือกวัคซีนเป็นโดสปกติ หรือครึ่งโดสได้ ในส่วนของเด็กสุขภาพปกตื รับบริการได้ผ่านสถานศึกษาเป็นฐาน และเด็กที่ป่วย สามารถรับได้ที่สถานพยาบาลที่ดูแลรักษา สำหรับเด็ก ประถมฯ 5-11ปี จะรับเข็ม2ห่างจากเข็ม 1 ประมาณ 8สัปดาห์ก็จะมีเร่งฉีดรองรับเปิดเทอมด้วย

 

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า โดยสรุปสถานการณ์ โควิด19 และข้อแนะนำ คือ1. สถานการณ์โรค โควิด19 ทั่วโลก แนวโน้มพบผู้ติดเชื้อในทวีปแถบเอเชีย และอาเซียนเพิ่มขึ้นในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม ขณะที่ยุโรปบางประเทศเริ่มมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น  ส่วนประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากกระจายทั่วประเทศ ทำให้ผู้ป่วยอาการหนักที่กำลังรักษาเพิ่มขึ้นและพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่พบการติดเชื้อจากการสัมผัส คนใกล้ชิดในครอบครัว คนที่รู้จักซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงจากการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ทานอาหาร ดื่มสุราด้วยกันระยะเวลานานทั้งในงานเลี้ยงที่บ้าน ที่ทำงาน ในร้านอาหาร

 

(ข่าวเกี่ยวข้อง : อัปเดต! ลดวันกักตัว "ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง" 5+5  เริ่มอย่างช้า พ.ค.นี้ รอประเมินหลังสงกรานต์)

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org