สปสช.และ รพ.ราชวิถี กรมการแพทย์ เร่งช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล 5 จังหวัด ที่ลงทะเบียนเข้าระบบ Home Isolation ผ่านสายด่วน 1330 และช่องทางออนไลน์ของ สปสช.แล้วยังตกค้างไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหน่วยบริการกว่า 3,500 ราย โดยจะติดต่อกลับสอบถามอาการและจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ภายใต้ความร่วมมือกับ รพ.ราชวิถี กรมการแพทย์ ทางไปรษณีย์ให้ถึงมือผู้ป่วยทุกคน คาดใช้เวลา 5 วันเคลียร์ผู้ป่วยตกค้างได้หมด เริ่มส่งยา 11 มี.ค.นี้
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นสูงในระยะที่ผ่านมาและมีผู้โทรเข้ามายังสายด่วน 1330 รวมถึงลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ สปสช.และไลน์ สปสช. @nhso เพื่อเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้านหรือ Home Isolation จำนวนมาก ทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งที่ยังตกค้างในระบบ ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหน่วยบริการประมาณ 3,500 ราย
โดยสาเหตุหลักคือหน่วยบริการในพื้นที่รับดูแลผู้ติดเชื้อจนเต็มศักยภาพและไม่สามารถรับดูแลเพิ่มได้ ปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่อง ผู้ที่แจ้งลงทะเบียนแล้วต้องรอนานหลายวันหรือยังไม่ได้รับการตอบรับจากหน่วยบริการเกิดความกังวลใจว่าจะไม่ได้รับการดูแล เกิดการโทรวนและติดต่อกลับเข้ามาที่สายด่วน 1330 และช่องทาง Non Voice ทั้งเฟสบุ๊กและไลน์ สปสช.อีก เพื่อสอบถามความคืบหน้าการตอบรับเข้าระบบ Home Isolation ทำให้สายโทรเข้าแน่นมากจนเกิดปัญหาโทรหาสายด่วน 1330 ไม่ติด
นพ.จเด็จ กล่าวว่า สปสช.พยายามแก้ปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายคู่สาย เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ รับสมัครจิตอาสามาช่วยรับโทรศัพท์ รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนจากองค์กรรัฐและภาคเอกชนที่มีคอลเซ็นเตอร์เป็นของตัวเองให้เข้ามาช่วยสนับสนุนสายด่วน 1330 รวมถึงรับสมัครจิตอาสาเพื่อเข้ามาช่วยตอบไลน์
ขณะเดียวกันจากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบบริการแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านหรือแนวทาง เจอ แจก จบ ให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรืออาการไม่รุนแรง สามารถเข้ารับบริการแบบผู้ป่วยนอกได้ และปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ให้โรงพยาบาลในพื้นที่ 14 จังหวัดรอบ กทม. ช่วยดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับการจับคู่เข้าระบบ Home Isolation ให้ไปรับการดูแลแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านได้เช่นกัน
นอกจากนี้ สปสช.ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกและกองทัพภาคที่ 1 ยังได้ทำการจัดส่งยาฟ้าทะลายโจรกว่า 40,000 ชุด กระจายไปยังชุมชนต่างๆใน กทม.กว่า 900 ชุมชน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ติดเชื้อที่ลงทะเบียนแล้วหน่วยบริการไม่ติดต่อกลับ ให้ไปรับยากับผู้นำชุมชนได้ ซึ่งสามารถเช็ครายชื่อ อสส.หรือผู้นำชุมชนที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร ได้ที่เว็บไซต์ สปสช. https://www.nhso.go.th/downloads/195
นพ.จเด็จ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้ติดเชื้อได้รับบริการ และลดจำนวนผู้ติดเชื้อที่ตกค้างรอเข้าระบบ Home Isolation ลงได้ส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ดี ก็ยังคงมีผู้ที่ตกค้างอยู่ในระบบ 1330 รอการจับคู่กับหน่วยบริการอีกประมาณ 3,500 ราย ด้วยเหตุนี้ สปสช. จึงได้จัดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อตกค้างที่ยังไม่ได้การติดต่อจากหน่วยบริการให้หมด โดยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะให้เจ้าหน้าที่สายด่วน 1330 โทรติดต่อหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด
ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ที่ยังตกค้างไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยบริการ เพื่อสอบถามว่าอาการว่าเป็นอย่างไร หากมีอาการไม่รุนแรง สปสช. ภายใต้การสนับสนุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) จะจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ทางไปรษณีย์ถึงมือผู้ป่วยทุกคน โดยการจัดส่งยาให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังตกค้างนี้อยู่ภายใต้ความร่วมมือกับโรงพยาบาลราชวิถี กรมแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ล็อตแรกได้รับ 50,000 เม็ด
ดังนั้น ขอแจ้งว่า ผู้ป่วยอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด รายใดที่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วยบริการเพื่อรับดูแลเข้าระบบ Home Isolation ขออย่ากังวลใจว่าจะถูกทอดทิ้งไม่ได้รับการดูแล สปสช.และ รพ.ราชวิถี จะจัดส่งยาตรงให้ถึงมือเพื่อช่วยบรรเทาอาการ หลังจากได้รับยาแล้วขอให้พักรักษาตัวอยู่ในบ้านประมาณ 10 วัน ก็ถือว่าหายจากโรคโควิด-19 แล้ว
ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการดังกล่าว สปสช. คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 5 วัน เคลียร์ผู้ติดเชื้อกว่า 3,500 รายที่อยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัด ที่ตกค้างไม่ได้รับการตอบรับจากหน่วยบริการได้ทั้งหมด โดยในวันนี้ (10 มี.ค.65) เจ้าหน้าที่ สปสช.จะโทร.สอบถามผู้ป่วยที่ตกค้างอยู่ และในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.65) จะเริ่มจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 2148 views