สปสช. ร่วมกับธนาคารกรุงไทย และสภาเภสัชกรรม เตรียมแจก ATK เฟส 2 สำหรับประชาชนทุกสิทธิที่เป็นกลุ่มเสี่ยง โดยกระจายผ่านหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกว่า 2,000 แห่ง ยำ้หากไม่มี "แอปฯเป่าตัง" นำบัตรประชาชนไปขอรับโดยตรงได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการตามขั้นตอนได้เลย เริ่ม 1 มีนาคม 2565 นี้เป็นต้นไป
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 13.00 ที่ Facebook Live สำนักงานหลักประกันสุขภาพ เรื่อง“แจก ATK ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทุกสิทธิรอบ 2 ดูแลคนไทยเข้าถึงการตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง” นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า สำหรับชุดตรวจ ATK ที่กระจายในครั้งนี้ สปสช. เน้นการเพิ่มโอกาสเข้าถึงชุดตรวจ ATK ของประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดภาระหรือผลกระทบในการจัดหาของประชาชน โดยเพิ่มจำนวนประชาชนที่จะเข้าถึงบริการให้มากขึ้น รวมทั้งชุดตรวจ ATK ที่กระจายในครั้งนี้
สปสช. เน้นเป็นชุดตรวจที่อยู่ในรายการสินค้าบัญชีนวัตกรรม เพื่อเป็นการร่วมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล โดย สปสช.จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางในการประสานกับผู้จำหน่าย ATK ในบัญชีนวัตกรรม องค์การเภสัชกรรม เพื่อให้ได้ในราคาที่เหมาะสมและจำนวนตามความต้องการของหน่วยบริการ
ส่วนแนวทางในการรับชุดตรวจ ATK เมื่อประชาชนคัดกรองความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังแล้ว หากผลประเมินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง สามารถขอรับชุดตรวจได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมกระจายชุดตรวจ ATK ได้แก่ ร้านยา คลินิกพยาบาล คลินิกกายภาพบำบัด คลินิกเทคนิคการแพทย์ฯ หรือหน่วยบริการอื่นกว่า 2,000 แห่ง โดยดำเนินการยืนยันการให้บริการผ่านแอปเป๋าตัง กรณีไม่มีมือถือสมาร์ทโฟนนำบัตรประชาชนไปขอรับโดยตรงได้ที่หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการตามขั้นตอน
" ทั้งนี้ เรามีความมั่นใจที่จะให้ประชาชนได้เข้าถึงชุดตรวจ ATK ให้ได้มากที่สุด ส่วนหน่วยบริการต่างๆเราได้มีการประสานงานที่จะกระจายชุดตรวจ โดยครั้งนี้ทาง สปสช. ให้หน่วยบริการดำเนินการหาชุดตรวจ จัดหาจัดเตรียม เพื่อให้มีความพร้อมในการกระจายชุดตรวจมากที่สุด ซึ่งขอยำ้ว่า ประชาชนที่รับชุดตรวจโควิดจะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น โดยคา่ใช้จ่ายทั้งหมดสปสช.จะจ่ายไปยังหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการเอง เพื่อให้ประชาชนได้รับชุดตรวจอย่างทั่วถึงและเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดโควิดอีกด้วย นพ.จเด็จ กล่าว"
นายธวัชชัย ชีวานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า สำหรับในเฟสแรกมีการกระจายชุดตรวจผ่านกระเป๋าสุขภาพ หรือ Health Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง แล้วมากกว่า 3-5 ล้านราย สามารถบันทึกผลการตรวจและเชื่อมโยงข้อมูลให้กับ สปสช. ได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว ทำให้ประชาชนที่มีผลตรวจเป็นบวกสามารถเข้ารับการรักษาโควิดได้ทันท่วงที
ธนาคารกรุงไทยมีความมุ่งมั่นพัฒนาระบบ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ สิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งเป็นสิทธิการรักษาพยาบาลของภาครัฐ ที่มอบให้กับประชาชน ในการดูแลสุขภาพของตนเองตั้งแต่แรก เกิดจนถึงวัยสูงอายุได้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยได้พัฒนากระเป๋าสุขภาพ หรือ Health Wallet ซึ่งครอบคุมการให้บริการตั้งแต่การลงทะเบียน การยืนยันตัวตน ค้นหาสถานพยาบาล นัดหมาย รวมถึงการประเมินความเสี่ยงต่างๆที่เกิดจากการติดเชื้อโควิด19 เพื่อขอรับชุดตรวจโควิดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
โดยธนาคารกรุงไทยมีความพร้อมในการพัฒนาระบบ Krungthai Digital Health Platform ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ใช้บริการทุกคน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการยกระดับระบบสาธารณสุขของประเทศอย่างยั่งยืน สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยดาวน์โหลดแอปฯ เป๋าตัง ซึ่งสามารถดาวน์โหลดและลงทะเบียนได้ที่ https://krungthai.com/link/paotang-ktbwallet โดยธนาคารมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบแอปฯ เป๋าตัง เพื่อรองรับการดำเนินนโยบายของภาครัฐ และทำให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงบริการและมาตรการต่างๆ ของภาครัฐได้อย่างทั่วถึง เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยและสร้างความยั่งยืนให้สังคมในระยะยาวต่อไป
ด้าน รศ.(พิเศษ) ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ เบื้องต้นมีร้านยาที่สมัครเข้าร่วมโครงการประมาณ 1,500 ร้านทั่วประเทศ และยังรับสมัครเพิ่มเรื่อยๆ โดยการดำเนินการในรอบนี้ได้มีการปรับระบบใหม่ จากที่ร้านยารอรับ ATK จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเปลี่ยนเป็นให้ร้านยาสามารถจัดหาได้เอง โดย สปสช. จ่ายเงินให้เคสละ 55 บาท ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ร้านยามีความยืดหยุ่น สามารถจัดหา ATK ได้เหมาะสมตามความต้องการของประชาชนมากขึ้น ซึ่งหากร้านไหนเข้าร่วมเราก็จะมีสัญลักษณ์ไว้บอกหน้าร้าน
ซึ่งสภาเภสัชกรรมได้เจรจากับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ให้เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดหา ATK แก่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ เพราะการที่ อภ. ซื้อในล๊อตใหญ่จะช่วยให้จัดหาได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำ ขณะเดียวกันยังได้ประสานกับบริษัทผู้จัดจำหน่ายที่มีสินค้าอยู่ในสต๊อกและยินดีขายในราคาพิเศษแก่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ ทางสภาเภสัชกรรมจะจัดทำรายชื่อบริษัทที่พร้อมขาย ATK ในราคาพิเศษให้ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการได้รับทราบและเตรียมสั่งซื้อต่อไป
ทั้งนี้ ยังมีการให้คำแนะนำให้กับประชาชนที่มาขอรับบริการด้วย และสุดท้ายนี้ร้านเภสัชกรรมมีความยินดีที่ได้ให้ความร่วมมือในการบริการ เนื่องจากร้านเภสัชกรรมเป็นสถานที่อยู่ใกล้ชุมชนมากเช่นกัน ถ้าหากประชาชนมีความต้องการปรึกษาหรือมีปัญหาอะไร ก็สามารถพูดคุยและปรึกษาเภสัชกรได้
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 138 views