รมช.สธ. เผยอยู่ระหว่างหารือรองนายกฯ "อนุทิน" กรณีโควิด-19 พ้นโครงการโรคฉุกเฉินวิกฤต แต่ยังรักษาฟรีตามสิทธิเช่นเดิม ส่วนจะเริ่มวันที่ 1 มีนา หรือเลื่อนเป็น 1 เม.ย.65 ยังไม่สรุป ต้องหารือเพิ่มเติม ทั้งข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบ ประกันภัย ผู้ป่วยโควิดที่มีโรคร่วม
หลังจากกระทรวงสาธารณสุขเตรียมให้โรคโควิด-19 พ้นจากโครงการโรคฉุกเฉินวิกฤต หรือยูเซป (UCEP) แต่สามารถรักษาฟรีได้ตามสิทธิแต่ละคน และหากเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤตยังรักษาได้ทุกที่เช่นเดิม โดยเดิมกำหนดให้เริ่มวันที่ 1 มี.ค.2565 แต่ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า จะเลื่อนออกไปนั้น (อ่านข่าวเกี่ยวข้อง : สธ.ย้ำโควิดรักษาฟรีตามสิทธิ! หากเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤตยังใช้ได้ พร้อมเผยเกณฑ์ 6 ข้อของยูเซป)
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่โรงแรงพูลแมน ซอยรางน้ำ กทม. นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีเสนอให้เลื่อนปลดโรคโควิด 19 จากโรคฉุกเฉินวิกฤต (UCEP) จากวันที่ 1 มีนาคม เป็นวันที่ 1 เมษายน 2565 ว่า ได้หารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ซึ่งได้มอบหมายให้ตนประชุมหารือกับ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน
“ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศปลดโควิดจากโรคฉุกเฉินวิกฤต อยู่ระหว่างการร่างประกาศ ซึ่งเดิมสถานการณ์การติดเชื้อไม่สูงมาก แต่หลังจากเทศกาลตรุษจีนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากประชาชนยังไม่ได้รับทราบข้อมูลมากพอ อาจเกิดปัญหาเมื่อไปรับบริการได้ จึงต้องใช้เวลาในการสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่า เมื่อประกาศยกเลิก UCEP โควิด ต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ หากไปโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในสิทธิ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เหมือนกับการรักษาโรคอื่น ๆ ตามปกติ” นายสาธิตกล่าว
นายสาธิต กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังต้องหารือเรื่องอื่น ๆ ด้วย ทั้งปัญหาการตีความประกันภัย อัตราการครองเตียง ที่ต้องคำนึงถึงผู้ติดเชื้อโควิดที่มีโรคร่วม เช่น มะเร็ง ซึ่งแม้จะไม่มีอาการแต่มีความจำเป็นต้องใช้เตียงที่มีศักยภาพ และหากมีการติดเชื้อสูงขึ้นอาจยังต้องใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลเอกชนด้วย รวมถึงกรณีพื้นที่ กทม. ผู้ที่อยู่อาคารชุดหรือคอนโด หากนิติบุคคลไม่ให้กักตัว ก็อาจต้องไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนที่มีฮอสปิเทล จึงควรต้องมีเป็นทางเลือกโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งถ้าได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสื่อสารกับประชาชนต่อไป
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 47 views