รมช.สธ.กระทุ้งพังงา พร้อม รับเปิดประเทศ ฉีดวัคซีนครอบคลุม 75% วางรุกเป้ารุกฉีดต่างด้าวเพิ่ม ขอทุกฝ่ายร่วมมือสกัดความเสี่ยงเกิดคลัสเตอร์โควิด ทำเปิดประเทศสะดุด หวังดึงนทท.เพิ่มปีใหม่ เดินหน้าฉลองสงกรานต์

 

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ศูนย์การแพทย์เขาหลัก จังหวัดพังงา นพ.วิทยา วัฒนเรืองโกวิท นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา (นพ.สสจ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อสะสม 5,430 ราย รักษาหายแล้ว 4,806 ราย ยังรักษาอยู่ 603 ราย เสียชีวิต 21 ราย ปัจจุบันมีรพ.สนาม 8 แห่ง และมีศูนย์ดูแลผู้ติดผดควิดในชุมชน (Community Isolation : CI) ในทุกอำเภอ ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดนั้น ดำเนินการฉีดครอบคลุม 75% ของประชากร ขณะนี้ได้มีการขยายกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนไปยังกลุ่มแรงงานงานต่างด้าว ขอย้ำว่าในพื้นที่พังงานั้นมีศูนย์การแพทย์เขาหลักเป็นศูนย์กลางการแพทย์ทางทะเลที่เชื่อมโยงรพ.ต่างๆในการดูแลนักท่องเที่ยว มีอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้านกว่า 5,239 คน นับว่ามีความพร้อมในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว

ด้าน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมช.สธ.)  กล่าวว่า  นโยบายความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในการเปิดจังหวัดนั้นเป็นหัวใจสำคัญ รัฐบาลพร้อมแล้ว พังงาพร้อมหรือยัง ซึ่งฟังจากตัวเลขการฉีดวัคซีนในพื้นที่แล้ว นับว่ามีความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในพื้นที่มากที่สุด ดังนั้นมาตรการควบคุมป้องกันโรคของผู้ประกอบการ และการฉีดวัคซีนคือส่วนสำคัญมาก จึงขอให้อสม. ช่วยในการสื่อสารให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีน และเน้นย้ำความเข้าใจด้วยว่าถึงแม้ฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อได้ ซึ่ง 14 วันอันตรายนับจากนี้ มีแม่น้ำหลายสายที่เป็นความเสี่ยงในการระบาดของเชื้อโควิด -19 คือ งานบุญกฐิน ซึ่งเราเกิดคลัสเตอร์ขึ้นมามาก แต่ติดเชื้อแล้วไม่มีอาการหรือมีอาการไม่มาก ดังนั้น จากนี้เรายังมีเทศกาลลอยกระทง การมีนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งมีโอกาสหลุดหรือเจอติดเชื้อได้ เราจึงต้องช่วยกัน กระทรวงสาธารณสุข เองยังต้องทำงานหนัก ฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น หอการค้า ผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันในการสร้างความพร้อม อย่าให้มีคลัสเตอร์ใหญ่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้การเปิดประเทศสะดุด เพราะถ้าสะดุดจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ แต่หากร่วมมือกันจะทำให้ปีใหม่มีนักท่องเที่ยวกลับมามากขึ้น และเป้าหมายคือได้ฉลองสงกรานต์ได้เต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ พื้นที่อันดามัน เช่นที่พังงามีศูนย์การแพทย์เขาหลัก เชื่อมโยงหลายหน่วยงานในการดูแลนักท่องเที่ยวให้ปลอดภัยที่สุด ซึ่งได้รับรายงานว่าที่ผ่านมา ที่ศูนย์การแพทย์เขาหลักสามารถทำได้ 98% แต่เป้าหมายคือต้องไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียวที่ทำได้ แต่ต้องทำได้ทุกพื้นที่ ดังนั้นเรื่องงบประมาณจะต้องพิเศษมากกว่าที่อื่น เพราะมีศักยภาพในการพัฒนาดึงเม็ดเงินกลับมาได้ในรูปแบบการท่องเที่ยว

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org